วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หลวงปู่เหรียญ ถาวโร พระเกจิวัดบางระโหง นนทบุรี

หลวงปู่เหรียญ ถาวโร พระเกจิวัดบางระโหง นนทบุรี

คอลัมน์ อริยะโลกที่6

นนทบุรี ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งรวมพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง จากอดีตจวบจนปัจจุบัน

ถ้า ย้อนกลับไปในอดีต พระเกจิอาจารย์ที่งานกิจนิมนต์ชุกมาก ไม่แพ้รูปอื่นในรุ่นเดียวกัน "หลวงปู่เหรียญ ถาวโร" วัดบาง ระโหง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี ร่วมสมัยกับพระราชสังวราภิมณฑ์ หรือหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี กรุงเทพมหานคร พระครูอาทรธรรมนิเทศน์ หรือ หลวงพ่อทองอยู่ วัดท่าเสา จังหวัดสมุทรสาคร, พระครูสมุทรธรรมสุนทร หรือหลวงพ่อสุด วัดกาหลง จ.สมุทรสาคร

วัดบางระโหง มีการบูรณะซ่อมแซมในสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สำหรับความเป็นมาของวัดแห่งนี้ มีบันทึกไว้ว่าสร้างขึ้นโดยชาวจีน ชื่อ นายโหง ที่ย้ายถิ่นฐานมาจากหงสาวดี

จากคำบอกเล่าต่อกันมา นายโหงเป็นคนร่ำรวยในยุคนั้นพอสมควร จากการสังเกตซุ้มที่ครอบใบเสมาของวัดบางระโหงนั้นมีความงดงามมาก ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาสามัญก็ไม่น่าจะออกแบบการสร้างได้สวยงามขนาดนี้ น่าจะเป็นผู้มียศถาบรรดาศักดิ์หรือเศรษฐีร่ำรวยในยุคนั้นจริง

หลวง ปู่เหรียญถือกำเนิดเมื่อวันที่ 7 ม.ค.2439 ตรง กับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 2 ปีวอก นามเดิม นายเหรียญ สังฆรัตน์ บ้านเดิมของท่านอยู่ที่ ต.คลองมะดัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ในช่วงวัยหนุ่ม ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร โดยการอาศัยเรือโยงจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้ามาผ่านทางจังหวัดนนทบุรี จึงหางานทำที่จังหวัดนนทบุรี และได้งานเป็นคนสวนที่บ้านของนายอุ่น อยู่แถวคลองอ้อม

เมื่อลูกชายของชาวสวนที่อาศัยอยู่นั้นบวช นายเหรียญจึงตัดสินใจบวชพร้อมกับลูกชายของชาวสวนบ้านนั้น เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2470 ณ วัดขวัญเมือง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยมีพระครูชุ่ม วัดประชารังสรรค์ ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการบัว ซึ่งภายหลังได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญที่ พระสรนาถธรรมาจารย์ วัดขวัญเมือง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเผื่อน วัดโตนด เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา ถาวโร

สอบนักธรรมเอก เมื่อปี 2477 ณ สำนักเรียนวัดกลาง อ.เมือง จ.ขอนแก่น

ลำดับ งานด้านการปกครองสงฆ์ พ.ศ.2482 หลวงปู่เหรียญ ดำรงตำแหน่งผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดบางระโหง และเป็นเจ้าอาวาสวัดบางระโหง พ.ศ.2509 เป็น เจ้าคณะตำบลบางกร่าง-บางรักน้อย พ.ศ.2516 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2520 เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูนนทสมณวัตร

ด้านวัตถุมงคลของหลวงปู่เหรียญ ปัจจุบันได้รับความนิยมในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสม สนนราคาเล่นหาสูง ทั้งพระเครื่อง และเครื่องรางของขลัง อาทิ มีดหมอ, ตะกรุด, ผ้ายันต์, น้ำเต้า, ล็อกเกต, ภาพถ่าย, แผ่นปั๊มพญาไก่เถื่อนมีทั้งเนื้อใบลาน, ตะกรุดสาลิกา, ตะกรุดโทน, ตะกรุดกษัตราธิราช, ตะกรุดมหาอุด, ตะกรุดสามกษัตริย์, ตะกรุดพิสมร, ตะกรุดพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ และตะกรุดกระบองเพชร เป็นต้น

แต่ถ้าเป็นประเภท "เหรียญและพระกริ่ง" ที่ถูกกล่าวขวัญถึงอย่างมาก เหรียญเสมารุ่นแรกหลวงปู่เหรียญ สร้างขึ้นเมื่อปี 2516 เหรียญรุ่นนี้จัดสร้างเพื่อแจกบรรดาศิษยานุศิษย์ จำนวนการสร้างรวมกัน 1,000 เหรียญ โดยแยกเป็น 4 แม่พิมพ์ คือเนื้ออัลปาก้าข้างหยักมีอยู่หนึ่งแม่พิมพ์ ส่วนเนื้อทองแดงมีอยู่สามแม่พิมพ์

ส่วนพระกริ่งที่ได้รับความนิยม คือ "พระกริ่งใหญ่ ถาวโร" ดอกพิกุลเล็ก เนื้อนวโลหะ สร้างเมื่อปี 2523 ฉลองอายุครบ 7 รอบ 84 ปี จำนวน 50 องค์ พระกริ่งถาวโร ดอกพิกุลใหญ่สร้างเมื่อปี 2527 รุ่นฉลองอายุครบ 90 ปี เนื้อเงินสร้างจำนวน 39 องค์ เนื้อนวโลหะกะไหล่นาก สร้างจำนวน 29 องค์ พิมพ์หน้าหนุ่ม เนื้อชนวนผสม สร้างจำนวน 29 องค์

มรณภาพเมื่อวันที่ 27 เม.ย.2531 สิริอายุ 92 พรรษา 62

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร

หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ มีนามเดิมว่า "เงิน" เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 10 ปีฉลู ซึ่งตรงกับวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2348 บิดาชื่อนายอู๋ มารดาชื่อนางฟัก เป็นชาวบ้านตำบลบางคลาน จังหวัดพิจิตร มีพี่น้องร่วม บิดาเดียวกันทั้งหมด 6 คน คนที่ 1 ชื่อ พรม คนที่ 2 ชื่อทับ คนที่ 3 ชื่อ ทอง คนที่ 4 ชื่อ เงิน คนที่ 5 ชื่อ หล่ำ คนที่ 6 ชื่อ รอด (ในหนังสือประวัติของท่านมีผู้เขียนไว้เป็น ๒ กระแส แต่ต่างยืนยันว่าท่านเกิดปีฉลู กระแสแรกว่าท่านเกิดปีฉลู พ.ศ. 2348 อีกกระแสท่านเกิดปีฉลู พ.ศ. 2360)

ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน “หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ” เป็นชาวบ้านบางคลาน อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร เป็นบุตรคนที่ 4 บิดาของท่านชื่อ อู๋ เป็นชาวบ้านบางคลาน มารดาของท่านชื่อฟัก เป็นชาวบ้าน จังหวัดกำแพงเพชร ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งรัตนโกสินทร์ มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น 6 คนด้วยกัน เมื่อปี พ.ศ. 2356 หลวงพ่อเงิน อายุได้ 5 ขวบ นายช่วงซึ่งเป็นครูของท่าน ได้พา หลวงพ่อเงิน ไปอยู่กรุงเทพฯ จนกระทั่ง หลวงพ่อเงิน เติบโตเข้าศึกษาเล่าเรียนได้ จึงได้นำ หลวงพ่อเงิน ไปฝากไว้ที่วัดตองปู (วัดชนะสงคราม) เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือที่วัดชนะสงครามตลอดมาจนถึงปี พ.ศ. 2363 หลวงพ่อเงินอายุได้ 12 ปีจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุครบบวชท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดชนะสงคราม ฉายา พุทธโชติ แล้วหลวงพ่อเงิน ท่านได้จำพรรษา เพื่อปฏิบัติธรรมวินัยเรียนทางวิปัสสนากรรมฐานอยู่ได้ 3 พรรษาขณะที่ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดชนะสงคราม ท่านได้ไปถวายตัวเป็นศิษย์ เพื่อศึกษาศิลปวิทยาคมตลอดจนเรียนวิปัสสนาธุระ ในทางเมตตามหานิยมและคงกระพันชาตรี จากเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒจารย์(โต) พรหมรังสีวัดระฆังโฆสิตาราม

 พออายุได้ ๒๐ ปี บิดา-มารดาและบรรดาญาติมีความประสงค์จะให้อุปสมบทแต่ “หลวงพ่อเงิน” ไม่ยอมเพราะเกรงว่า อายุของท่านจะไม่ครบบริบูรณ์จริง บรรดาญาติก็อนุโลมตามกระทั่งหลวงพ่ออายุได้ ๒๒ ปี ตรงกับ พ.ศ. ๒๓๗๓ ได้กำหนดวันอุปสมบทไม่ทราบว่าอุปัชฌาย์ชื่ออะไรเช่นกันได้ฉายาว่า “พุทธโชติ” หลังจากอุปสมบทแล้วได้ศึกษาเล่าเรียน ธรรมะจนแตกฉาน แล้วทำการฝึกฝนวิปัสสนาจนมีญาณสมาธิแก่กล้า จึงมุ่งศึกษาพุทธาคมจาก “หลวงพ่อโพธิ์ วัดวังหมาเน่า” จนมีความชำนาญทางพุทธาคมมาก มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่เล่าลือกันในบรรดาชาวบ้านมากมายพอได้อุปสมบทแล้ว ท่านก็ยังศึกษาวิปัสสนากรรมฐานต่ออีกด้วย ต่อมาอีก 3-4 ปี โยมปู่ของท่านป่วยหนัก ท่านจึงได้เดินทางกลับมายังอำเภอโพทะเล ท่านก็ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดคงคาราม ประมาณ 1 พรรษา แล้วจึงย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดท้ายน้ำ ท่านเป็นพระเรืองวิชา ชอบเล่นแร่ แปลธาตุ แต่ หลวงพ่อเงิน ท่านเคร่ง ธรรมวินัย ชอบความสงบ ท่านจึงได้ย้ายไปอยู่หมู่บ้านวังตะโก ลึกเข้าไปทางลำน้ำเก่า และต่อมาก็ได้สร้างวัดหิรัญญาราม (วัดวังตะโก) "วัดวังตะโก" เกิดขึ้นเป็นพระอาราม "หลวงพ่อเงิน" ได้เป็นผู้สร้างไว้เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2377 ต่อมาวัดวังตะโก หรือวัดหิรัญญารามก็เจริญอย่างรวดเร็ว มีผู้คนเคารพนับถือและถวายตัวเป็นศิษย์ ขอมาฟังธรรมขอเครื่องรางของขลัง และขอให้หลวงพ่อช่วยรักษาโรคให้ ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์และสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณฝ่ายวิปัสสนา

หลวง พ่อเงิน วัดบางคลาน (วัดหิรัญญาราม) จ.พิจิตร ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยนั้น มีผู้คนมาให้ท่านช่วยรดน้ำมนต์ให้ไม่ขาดสาย ลูกศิษย์ของหลวงพ่อเงินวัดบางคลานที่มีชื่อเสียงโด่งดังต่อมาก็มีหลายท่าน เช่น หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง ที่มีชื่อเสียงในด้านตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อน้อย วัดคงคาราม ผู้สร้างตะกรุดหนังปลากระเบน และตะกรุดหนังอีเก้ง ปลัดชุ่ม วัดท้ายน้ำ หลวงพ่อหอม วัดหลวง หลวงพ่อนวล วัดหาดมูลกระบือ หลวงพ่อฟุ้ง วัดปากน้ำ หลวงพ่อขำ วัดโพธิ์เตี้ย หลวงพ่อไป๋ วัดท่าหลวงพล ผู้สร้างเหรียญหล่อหลวงพ่อเพชรจำลอง หลวงปู่ภู วัดท่าฬ่อ เป็นต้น นอกจากนี้ศิษย์ฆราวาสก็คือเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท้ายที่สุด หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับสมณศักดิ์เป็นท่านเจ้าคุณ ฝ่ายวิปัสสนาจารย์ หลวงพ่อเงิน ท่านได้มรณภาพ ด้วยโรคชรา เมื่อวันศุกร์เดือน 10 แรม 11 ค่ำ ปีมะแมเวลา 5.00 น.ตรงกับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2462รวมอายุได้ 111 ปีพรรษา 90 ณ วัดวังตะโก ตำบลบางคลาน อำเภอบางคลาน จังหวัดพิจิตร คงทิ้งไว้แต่เรื่องราวอันเป็นปาฏิหาริย์มากมาย นับว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีอายุยืนนานมากที่สุดรูปหนึ่ง ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร พระเครื่องหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานนับเป็นอีกหนึ่งในจำนานของวงการพระเครื่องไทย
พระเครื่อง หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
ราคา หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ซึ่งพระที่ท่านได้สร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลไว้ เช่น ตะกรุด (ปัจจุบันหาได้ยาก ราคาพระเครื่องหลวงพ่อเงิน สูงมาก) พระเครื่องหลวงพ่อเงิน พระเครื่องรูปเหมือน เนื้อทองเหลืองที่นับเป็นงานใหญ่และเป็นมาตรฐาน ได้แก่ พระรูปเหมือนพิมพ์นิยม สามารถแยกเป็นแม่พิมพ์ต่างๆ ได้ดังนี้คือ พิมพ์ชายติด พิมพ์ชายห่าง พระรูปเหมือนพิมพ์ขี้ตา แยกแม่พิมพ์เป็นพิมพ์สามชาย พิมพ์สี่ชาย พิมพ์ห้าชาย และเหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ เหรียญหล่อพิมพ์จอบเล็ก ซึ่งก็แยกออกเป็นพิมพ์แข็งตรง พิมพ์แข็งติด พิมพ์เท้ากระดก และพิมพ์ตาขีด นับเป็นพระเครื่องที่มีชื่อเสียงของ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
พระหลวงพ่อ เงิน วัดบางคลาน ทุกพิมพ์ถ้าอยู่ในสภาพสวยสนนราคาขึ้นหลักล้านทั้งสิ้น ปัจจุบันหาพระแท้ๆ ได้ยากครับ พุทธคุณของท่านนั้นเด่นทางด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และโชคลาภ วันนี้ก็ได้นำรูปพระหลวงพ่อเงิน พิมพ์นิยม พิมพ์ขี้ตา เหรียญจอบใหญ่ และเหรียญจอบเล็ก มาให้ชมกันอย่างละหนึ่งองค์ครับ
ประวัติพระเครื่องยอดนิยม ประวัติหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน
พระ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ที่นิยมกันสุดๆ มี ๔ พิมพ์ คือ รูปหล่อพิมพ์นิยม รูปหล่อพิมพ์ขี้ตา เหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ และ เหรียญหล่อพิมพ์จอบเล็ก อายุการสร้างถึงวันนี้ประมาณ ๑๐๐ ปี นับว่าเก่าพอสมควร ตามตำรากล่าวว่า พระหลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตา กับ พิมพ์จอบเล็ก สร้างขึ้นก่อน โดยฝีมือชาวบ้านส่วน พิมพ์นิยม กับ พิมพ์จอบใหญ่ สร้างขึ้นทีหลัง ในเวลาไม่ห่างกันมากนัก โดยว่าจ้างช่างมืออาชีพจากบ้านช่างหล่อ ธนบุรี ไปทำพิธีเททองหล่อที่วัด (บางกระแสก็ว่าเททองหล่อที่บ้านช่างหล่อ) ในส่วนของ พิมพ์ขี้ตา ๓ ชาย มีจุดจุดสำคัญที่ต้องศึกษา คือ มีก้อนเนื้อที่ขอบตาล่างด้านซ้าย มีเส้นจีวร ๓ เส้น ล่างสุดเป็นเส้นหนา เฉียงจากหน้าอกลงมาจรดแขนขวา เส้นจีวรที่แขนซ้ายเป็นเส้นคว่ำ เส้นสังฆาฏิโค้งนูน ไม่แบนราบ

หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านสามารถรู้วาระจิตผู้มาเยือนด้วยญาณวิเศษได้อย่างมหัศจรรย์ และยังเป็นหมอเชี่ยวชาญในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ชาวบ้านได้อย่างชะงัด อีกด้วย เคยมีผู้ไปลองดีกับท่าน ท่านก็แอ่นอกให้ยิง แต่กระสุนไม่ยอมออกจากลำกล้อง ความศักดิ์สิทธิ์เยี่ยงอัจฉริยะของ หลวงพ่อเงิน บางคลาน นับว่าร่ำลือกันไปไกลมาก จนถึงขนาดเสด็จในกรม "กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์" ก็ยังเสด็จไปฝากตัวเป็นศิษย์ด้วย
ที่มา...คมชัดลึก
พระ เครื่อง หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ปี 2515 ถึงเป็นพระใหม่ที่ไม่ทันท่านปลุกเสกแต่ก็พุทธคุณสูงเป็นที่นิยมอย่างมาก ประวัติ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ประวัติหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด วัดช้างให้
..............................
คำบูชา คาถาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร
พระคาถาบูชาหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร ตั้งนะโม ๓ จบ
อะกะ อะธิ อะธิ อะกะ ธิอะ กะอะ
วันทามิ อาจาริยัญจะ หิรัญญะ นามะกัง ถิรัง สิทธิ ทันตัง มหาเตชัง อิทธิ มันตัง วะสาทะรัง
( สิทธิ พุทธัง กิจจัง มะมะ ผู้คนไหลมา นะชาลี ติ สิทธิ ธัมมัง จิตตัง มะมะ ข้าวของไหลมา นะชาลี ติ สิทธิ สังฆัง จิตตัง มะมะ เงินทองไหลมา นะชาลี ติ ฉิมพลี จะ มหาลาภัง ภะวันตุ เม )

ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บพระเครื่อง ค่ะ
จากใจทีมงาน
http://เว็บพระ.net/index.php

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

'คด'กะลามหาอุตม์กะลาวิเศษที่ต้องแลกด้วยเงิน'แสน!' : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

'คด'กะลามหาอุตม์กะลาวิเศษที่ต้องแลกด้วยเงิน'แสน!'

'คด'กะลามหาอุตม์กะลาวิเศษที่ต้องแลกด้วยเงิน'แสน!' : เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู
              กะลาสามตา กะลาตาเดียว แกะเป็น พญาราหู และคดกะลาทำเป็นขวดใส่ยาดม ยาหอม มีคติความเชื่อว่าเป็นของคงทนสิทธิ์ เป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อยู่บนต้นมะพร้าว อาจจะนับได้ว่าเป็นเครื่องรางที่หายากสุดๆ มะพร้าว ๑,๐๐๐ ลูก หรือ ๑๐,๐๐๐ ลูก จะมีก็เพียงลูกเดียวหรือสองลูกเท่านั้นที่พบ

              ในตำราทักษามหาพยากรณ์นั้น กล่าวว่า เมื่อบุคคลใดก็ตามถูกพระราหูเสวยอายุแล้ว ในช่วงเวลานั้นจะเกิดความรุ่มร้อน มีเคราะห์ต่างๆ นานา เพราะพระราหูนั้นเป็นความมืด เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว แม้ยามที่พระราหูจะจรพ้นจากการเสวยอายุไปก็ยังแผลงฤทธิ์อีกด้วย คณาจารย์โบราณจึงกำหนดเอาไว้ว่า เมื่อพระราหูเสวยอายุจักต้องทำพิธีต้อนรับพระราหู หาไม่จะเดือดร้อนจนไม่อาจประคองตัวได้ และสิ่งหนึ่งที่โบราณใช้เป็นเครื่องรางบรรเทาฤทธิ์เดชของพระราหูคือ กะลาตาเดียว

              พระราหูพระราหู ไม่ใช่ยักษ์มาร ผีโขมด ไม่ใช่ความหลงมัวเมาในตัณหา ไม่ใช่ความโง่เขลาเบาปัญญา แท้จริงแล้ว พระราหูคืออะไร ในสมัยโบราณ เมื่อคนเรามีความรู้ในทางดาราศาสตร์ยังไม่กว้างขวาง คราใดเกิดปรากฏการณ์ จันทรคราส หรือ สุริยคราส ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องพระราหูใส่จับพระจันทร์และพระอาทิตย์ เมื่อจับได้ก็จะอมไว้ บังเกิดความมืดปกคลุมไปทั่ว หรือเกิดความกลัวว่า พระจันทร์ พระอาทิตย์ จะดับไปชั่วนิรันดร์ จึงต้องช่วยกันแก้ไขด้วยการตีเกราะ เคาะกะลา จุดประทัด ยิงปืน นัยว่าเพื่อทำให้พระราหูตกใจกลัว จะได้คายพระจันทร์ พระอาทิตย์ รีบหลบหนีไป

              โบราณนั้นท่านถือกันว่า พระราหูจะปรากฏในคราวเกิดจันทรุปราคา พระราหูจะกลืนพระจันทร์เอาไว้ทั้งดวงบ้าง บางส่วนบ้าง ต้องตีเกราะเคาะไม้หรือยิงปืนไล่กันเอกเกริก ส่วนวิธีป้องกันพระราหูนั้นก็คือ การใช้กะลาจากมะพร้าวตาเดียวหรือไม่มีตามาทำเป็นเครื่องรางเอาไว้ก็จะบรรเทา โทษภัยจากพระราหูไปได้ กะลาตาเดียวนั้นหายากในมะพร้าว ๑,๐๐๐ ลูก ๑๐,๐๐๐ ลูก จะมีก็เพียงลูกเดียวหรือสองลูกเท่านั้น เมื่อได้มาก็ถือว่าเป็นโชคของผู้นั้น เพราะโดยปกติลูกมะพร้าวที่พบเห็นโดยทั่วไปนั้นจะมีรูงอกหนึ่งรู และมีตาสองตา รวมแล้วมีสามรูด้วยกัน

              อย่างไรก็ตามหากเป็นกะลาตาเดียวแล้วจะมีเพียงหนึ่งตา หรือถ้าไม่มีตาก็จะมีรูงอกเพียงรูเดียว เขาเรียกว่า กะลาตาบอด แต่ถ้าไม่มีทั้งรูงอกและตาเลยนั้น โบราณเรียกกันว่า กะลามหาอุตม์ ถือเป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลังตามธรรมชาติที่หายากสุดๆ ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก เพราะลำพังกะลาตาเดียวก็หายากสุดๆ อยู่แล้ว เรียกว่าจะเป็นหนึ่งในแสนในล้านลูกถึงจะเจอสักลูกหนึ่ง ด้วยเหตุนี้พระเกจิอาจารย์จึงนิยมนำรูปลักษณ์ของพระราหูนำมาแกะเป็นลงบนกะ ลามหาอุตม์ และคดกะลามหาอุตม์ด้วย

คุณวิเศษแห่งกะลาตา

              "ป้องกันภัยอันตรายต่างๆ มีโชคลาภ โภคทรัพย์ คนโบราณเก่าก่อนนิยมเอากะลาตาเดียวมาผ่าออกเป็นสองซีก ใช้ตักตวงข้าวสารกรอกหม้อ ว่ากันว่า จะทำให้มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ แล้วยังมีคุณวิเศษในด้านอื่นๆ อีก คณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาคมนิยมใช้กะลาตาเดียวมาสร้างวัตถุมงคล" นี่เป็นคติความเชื่อถึงคุณวิเศษของกะลาตาเดียว

              จากคติความเชื่อดังกล่าว กะลามหาอุตม์จึงถูกนำมาสร้างวัตถุมงคลส่วนมากจะถูกนำมาแกะลวดลายตัวละคร สำคัญเรื่องรามเกียรติ์ เช่นเดียวกับกะลาตาเดียวที่ปลุกเสกโดยหลวงพ่อกุน วัดพระนอน จ.เพชรบุรี ที่ลือชื่อในเรื่องของตะกรุด ซึ่งถือว่าเป็นตะกรุดที่มีราคาหาเช่าแพงที่สุดในเมืองไทย อยู่หลักแสนต้นๆ ตะกรุดของท่านจะไม่ลงอักขระเหมือนของพระเกจิอาจารย์อื่นๆ แต่ท่านจะลงเป็นรูปตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ เช่น ลงเป็นรูปหนุมานผูกผมนางมณโฑกับทศกัณฐ์เข้าด้วยกัน

              กะลามหาอุตม์จึงเป็นเครื่องรางด้วยฝีมือช่างเก่าโบราณของเรานี้ มีคุณวิเศษนานานับประการ บุคคลใดมีไว้ครอบครองก็จะปราศจากภัยอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ เทวดา อสูร ภูตผีปีศาจ ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้ กะลามหาอุตม์บางลูกแกะเป็นลายวิจิตรงดงามพิสดารแล้ว ยังถือว่าเป็นหนึ่งเดียวที่หายากสุดๆ อีกด้วย เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง บางลูกก็ต้องว่ากันเป็นหลักแสน

              นอกจากนี้ยังมีคติความเชื่อด้วยว่า กะลาที่มี ๙ ตา ๗ ตา ๕ ตา ๓ ตา และตาเดียว เป็นของคงทนสิทธิ์ พระคณาจารย์หรือผู้ที่มิวิชาอาคม ในเรื่องของไสยศาสตร์ เวชศาสตร์ มีความเชื่อกันว่า ไม่มีอำนาจใดๆ มาทำลายล้างได้ นอกจากอำนาจแห่งกรรมที่ผู้ถือครอบครองประกอบคุณงามความดีสะสมแต่กรรมดี ก็จะตอบสนองในทางที่ดีคุ้มครองดลบันดาลปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เพิ่มพูนในเรื่องของทรัพย์สินเงินทอง ความสุข ความสบาย กะลาบางลูกหาที่มาที่ไปไม่ได้ว่าเป็นของอาจารย์ใด แต่ผู้ที่ดูความเก่าเป็น ดูอักขระที่จารลงในกะลาเป็น และเป็นกะลาแท้ๆ

              สำหรับผู้ที่อยากจะชม "คดกะลา" ของจริง ทุกท่านชมและสัมผัส ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ได้ที่ร้าน “ครัวทองเรือนไทย” ถ.หัวหิน ๙๖ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สอบถามเส้นทางได้ที่ ๐๘-๑๙๘๖-๓๙๕๙

กะลาแกะหลักแสน

              ในวงการพระเครื่องยกให้กะลาแกะพระราหูอมจันทร์ ของ "หลวงพ่อน้อย คันธโชโต" วัดศีรษะทอง ต.ห้วยตะโก อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นสุดยอดของกะลาแกะถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในชุดเบญจเครื่องรางและให้การ ยอมรับมาช้านาน ค่านิยมกะลาราหูของหลวงพ่อน้อยขึ้นอยู่ตามสภาพ แต่ก็ไม่ต่ำกว่าหลักหมื่น หากอยู่ในสภาพสวยสมบูรณ์ เช่น ค่านิยมอยู่ในหลักหมื่นกลางๆ บางองค์สูงถึงหลักแสนเลยทีเดียว
  
              หลวงพ่อน้อย ท่านก็เป็นชาวลาว เรียนวิชาคาถาอาคมมาจากหลวงพ่อลี เจ้าอาวาสองค์ที่ ๒ และโยมบิดา เมื่อท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดแล้ว ท่านก็ได้เริ่มวางรากฐานรูปแบบและขั้นตอน ตลอดจนลวดลายการแกะกะลาพระราหูให้เป็นมาตรฐาน โดยมีการพัฒนาเป็นขั้นตอน ตามตำราในใบลานต้นฉบับ ที่สำคัญคือ ต้องเป็นกะลามะพร้าวที่มีเพียงตาเดียวเท่านั้น อ่อน หรือแก่ ไม่เป็นอะไร

              การพัฒนางานแกะ เห็นได้ว่าในยุคต้นๆ นั้น การแกะพระราหูไม่มีรูปแบบที่เป็นมาตรฐาน มีทั้งสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม รูปกลม รูปกลีบบัว ก็มี สุดแล้วแต่ช่างจะแกะกัน มีหลายขนาด ทั้งเล็ก กลาง ใหญ่ แกะจากกะลาครึ่งลูก หรือแกะจากกะลาทั้งลูกก็มี แต่ส่วนใหญ่กะลาแกะพระราหูของหลวงพ่อน้อยนั้น จะมีศิลปะการแกะที่เป็นมาตรฐาน โดยใช้ช่างแกะไม่กี่กลุ่ม ซึ่งได้แก่
 
              ๑.แกะโดยฝีมือช่างที่เป็นพระภายในวัด แรกๆ ก็แกะเป็นรูปสามเหลี่ยมบ้าง สี่เหลี่ยมบ้าง วงกลมบ้างเหมือนกัน ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นแบบเดียวกัน คือ แกะเป็นรูปเสมาคว่ำ
  
              ๒.แกะโดยฝีมือช่างที่เป็นนักโทษ เรือนจำจังหวัดนครปฐม โดยหลวงพ่อน้อย ท่านมีลูกศิษย์ลูกหาเป็นผู้คุมเรือนจำ ในสมัยนั้นผู้คุมเรือนจำเป็นช่างฝีมือแกะหลายคน ซึ่งเป็นครูคอยสอนนักโทษด้วย แล้วให้นักโทษช่วยกันลองแกะพระราหูกันดู จากกะลาตาเดียว และได้คัดอันที่สวยที่สุดมาเป็นตัวอย่าง
 
              ส่วนการทำปลอมเลียนแบบ มีการทำกันมานานมากมายหลายฝีมือ แต่เชื่อว่าทุกฝีมือที่ทำปลอมยังต่างกันมากกับราหูที่สร้างจากหลวงพ่อน้อย อันเป็นตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ งานแกะพิมพ์ วิธีการสร้างตกแต่ง ความแห้งผาก และธรรมชาติของอายุกะลา จึงเชื่อว่าการทำเลียนแบบปลอมนั้นทำได้ยากยิ่ง

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ http://เว็บพระ.net/index.php


คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ


วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เหรียญเด่น-พระเกจิดังชุมพร

เหรียญเด่น-พระเกจิดังชุมพร

พันธุ์แท้พระเครื่อง
ราม วัชรประดิษฐ์


เมื่อ เอ่ยถึงเกจิดังเมืองชุมพร ต้องนึกถึงหลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย พระเกจิดังแห่งประตูสู่ภาคใต้ ซึ่งวัตถุมงคลของท่านล้วนเป็นที่ต้องการของลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมจนถึง ปัจจุบัน โดยเฉพาะ "เหรียญกลมรุ่นแรกที่ระลึกงานผูกพัทธสีมา วัดหาดแก้ว ปี 2502" เป็นที่นิยมสะสมอย่างมาก สนนราคาเล่นหานับวันจะสูงขึ้นเรื่อยๆ

หลวงพ่อสงฆ์เกิดเมื่อวันอังคาร เดือน 6 ปีขาล พ.ศ.2433 ที่บ้านวินัยเหนือ อำเภอสวี จังหวัดชุมพร บิดาชื่อ แดง มารดาชื่อ นุ้ย ประกอบอาชีพทำนา ท่านใฝ่ใจศึกษาหาความรู้มาตั้งแต่เด็ก

พออายุได้ 18 ปี บิดามารดาจึงให้บวชสามเณรที่วัดสวี ศึกษาด้านพระธรรมวินัย พระปริยัติ และอักษรขอม เมื่ออายุครบบวชจึงได้อุปสมบทที่วัดวิสัยเหนือ โดยมีหลวงพ่อชื่น วัดแหลมปอ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา "จันทสโร"

หลัง บวชแล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดวิสัยเหนือระยะหนึ่ง จึงเดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่ วัดควน ตำบลวิสัยเหนือ ศึกษาทางด้านกรรมฐานและด้านวิทยาคม จำพรรษาอยู่ได้หนึ่งพรรษาจึงออกธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ จนมาถึงจังหวัดภูเก็ต ได้พบกับพระอาจารย์รอด วัดโต๊ะ ซึ่งผู้คนให้ความเคารพนับถือมาก ท่านจึงฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาวิทยาคมต่างๆ จนหมดสิ้นเป็นเวลา 2 พรรษา จากนั้นกราบลาอาจารย์ออกธุดงค์อีก 7 ปี

วัน หนึ่ง นางร่อยพร้อมด้วยลูกชายเดินทางไปทำนาที่ไกลจากบ้านหลายกิโลเมตร ขณะเดินทางพลันได้ยินเสียงของนกร้องว่า "หนักก็วางเสีย หนักก็วางเสีย" เมื่อมองหานกตัวนั้นพบ นกตัวนั้นก็บินไป ทั้งสองแม่ลูกก็ตามไป พอถึงต้นไม้ก็พบเห็นแต่พระสงฆ์รูปหนึ่งจีวรเก่าคล้ำขาดรุ่งริ่ง ท่าทางสงบ พอได้สติได้เข้าไปกราบสอบถามอย่างละเอียด

ด้วยความเลื่อมใสจึงได้ นิมนต์ท่านไปจำพรรษาที่วัดร้างใกล้หมู่บ้าน ซึ่งมีแต่ซากสิ่งก่อสร้าง กุฏิเก่าๆ ทรุดโทรมอย่างมาก โบสถ์ก็เหลือแต่เสาต้นใหญ่สี่ต้น พระพุทธรูปองค์ใหญ่ก็ชำรุดผุพัง มีต้นไม้ต้นหญ้าขึ้นรกรุงรัง หลังจากท่านมาอยู่ก็ได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านมาหักร้างถางต้นไม้ และช่วยกันบูรณะเสนาสนะต่างๆ ขึ้นมาใหม่จนเป็นวัดที่มั่นคงแข็งแรง และเจริญรุ่งเรืองเป็น "วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย" มาถึงทุกวันนี้

หลวงพ่อ สงฆ์เป็นพระเกจิที่เคร่งในวัตรปฏิบัติ มีเมตตาธรรม เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชน รวมทั้งสรรพสัตว์ทั้งหลาย เล่ากันว่าครั้งหนึ่งเคยมีกวางตัวหนึ่งหลงเข้ามาในวัด ท่านก็ได้ให้ผลไม้และอาหารมันกิน มันอยู่ที่วัดได้ปีหนึ่งก็กลับเข้าป่าไป ปรากฏว่ามันสามารถรอดพ้นจากการไล่ล่าได้ทุกครั้ง บางครั้งมันจะกลับมาหาหลวงพ่อที่วัด อยู่สองสามวันก็จะกลับเข้าป่าไปอีก แม้กระทั่งเต่าที่อยู่แถวป่าไผ่ใกล้วัดที่มีบ่อและสระน้ำ เป็นเต่าตัวโตๆ มาจากไหนไม่รู้ บางครั้งก็เห็นมันเดินมาหาหลวงพ่อที่กุฏิ อยู่ที่เชิงบันไดหลายสิบตัว พอวันพระที่สำคัญๆ พวกเต่าจะพากันมาอยู่ที่หน้าหอสวดมนต์ จนพระทำวัตรเสร็จมันพบหลวงพ่อสงฆ์แล้วก็เข้าไปอยู่ในป่าไผ่ดังเดิม

นอก จากนี้ ยังเป็นที่ร่ำลือกันว่าหลวงพ่อสงฆ์มีวาจาสิทธิ์ยิ่งด้วย ท่านมรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2526 ยังความเศร้าโศกเสียใจแก่ชาวบ้านและลูกศิษย์ของท่านเป็นอย่างมาก ตอนที่หลวงพ่อสงฆ์มรณภาพท่ามกลางสายตาชาวบ้านนับพันที่มาอาบน้ำศพหลวงพ่อ พวกเต่ามันคลานขึ้นศาลาและเข้าไปนอนใต้ที่ตั้งโลงศพของหลวงพ่อ พวกมันร้องไห้ทุกตัวน้ำตาไหลจนเห็นได้ชัด เรื่องนี้ชาวบ้านเล่ากันมาจนทุกวันนี้

วัตถุมงคลของหลวงพ่อสงฆ์นั้น ท่านได้อนุญาตให้ลูกศิษย์ทำพระเครื่องรูปท่านอยู่หลายรุ่นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเหรียญรูปเหมือนของท่าน เครื่องราง ลูกอม ยาฉุน ซึ่งบางท่านนำไปพกพาก็เกิดพุทธานุภาพมากมายเป็นที่ปรากฏและเล่าขานกันปากต่อ ปาก ทั้งเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ที่เด่นๆ อาทิ เหรียญกลมรุ่นแรกที่ระลึกงานผูกพัทธสีมา วัดหาดแก้ว ปี 2502, พระหล่อหลวงพ่อสงฆ์, รูปเหมือนลอยองค์ เนื้อดิน ชุบรัก ปี 2505, พระเหรียญรุ่นแรกปี 2506, พระหล่อรูปเหมือนขนาดบูชา, พระหล่อรูปเหมือนปั๊ม ปี 2508, พระรูปเหมือนปั๊ม ก้นอุดยาฉุน ปี 2509, พระหล่อรูปเหมือนปั๊มอักษรนูน ปี 2509, พระหล่อรูปเหมือนปั๊ม ปี 2510, พระปิดตาหลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย และพระปิดตารุ่นแรก เนื้อนวโลหะ ปี 2519 เป็นต้น

วัตถุมงคลของท่านทุกรุ่นพุทธคุณเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นที่ปรารถนาของศิษยานุศิษย์และผู้ที่ได้รู้ประวัติความเป็นมาของหลวง พ่อสงฆ์ ปัจจุบันสนนราคาบางรุ่น บางพิมพ์ ยังพอหาเก็บได้ นักสะสมยังพอมีโอกาสหาเอาไว้ เพื่อเป็นสมบัติของตัวเองและวงศ์ตระกูลครับผม

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก 2487 หลวงพ่อวัน วัดประสิทธิชัย

เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก 2487 หลวงพ่อวัน วัดประสิทธิชัย
พันธุ์แท้พระเครื่อง
ราม วัชรประดิษฐ์


"เป็นเหรียญคณาจารย์ทางภาคใต้ ที่นับได้ว่าเป็นที่นิยมสะสมของชาวใต้และบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่อง"

หลวงพ่อวัน มะนะโส เป็นชาวจังหวัดตรังโดยกำเนิด เกิดที่บ้านตำบลควนขัน อายุ 13 ปี ได้มาอยู่กับท่านอธิการเรือง วัดป่าพยอม จังหวัดพัทลุง เพื่อศึกษาอักขรสมัยจนแตกฉานเชี่ยวชาญทั้งภาษาไทยและภาษาขอม

พออายุ 17 ปี จึงบวชเป็นสามเณร ศึกษาด้านพระปริยัติธรรม ทั้งร่ำเรียนด้านพุทธาคมจากเจ้าสำนักวัดเขาอ้ออันลือเลื่องของภาคใต้จนชำนาญ การ เมื่ออายุครบบวช ท่านจึงอุปสมบท ณ วัดป่าพยอมนั่นเอง

หลวงพ่อ วัน ติดตามพระอุปัชฌาย์คงไปศึกษาด้านพระธรรมคัมภีร์ ที่วัดตูล 3 พรรษา แล้วย้ายไปจำพรรษากับพระครูกาชาด ที่วัดป่าลิลัย เพื่อศึกษาด้านวิปัสสนาธุระอีก 1 พรรษา จากนั้นเดินทางกลับบ้านเกิดจำพรรษา ณ วัดประสิทธิชัย จังหวัดตรัง กระทั่งเจ้าอาวาสรูปเดิมมรณภาพ ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสสืบมา

หลวงพ่อวันเคร่งครัดใน วัตรปฏิบัติ พัฒนาศาสนสถานและศาสนวัตถุ ทั้งสงเคราะห์ผู้มีความตกทุกข์ได้ยากอย่างไม่เลือกชั้นวรรณะ จนเป็นที่เคารพศรัทธาเลื่อมใสของบรรดาชาวบ้านชาวเมืองและจังหวัดใกล้เคียง เป็นอย่างมาก

ท่านได้รับการแต่งตั้งสมณศักดิ์เรื่อยมา สมณศักดิ์สุดท้ายได้รับการสถาปนาแต่งตั้งเป็นพระราชาคณะที่ พระบริสุทธิศีลาจาร สังฆปาโมกข์ เจ้าคณะจังหวัดตรัง ในปีพ.ศ.2493 ท่านมรณภาพในปีพ.ศ.2503 สิริอายุ 84 ปี พรรษาที่ 64

ความที่หลวงพ่อ วันมีลูกศิษย์ลูกหามาก ท่านจึงสร้างวัตถุมงคลไว้แจกจ่ายมากมาย อาทิ เหรียญรูปเหมือน และตะกรุด เป็นต้น และจากการที่ท่านบำเพ็ญเพียรทั้งทางวิปัสสนาธุระ กอปรกับพุทธาคมที่ร่ำเรียนมา วัตถุมงคลของท่านจึงทรงไว้ซึ่งพุทธคุณเป็นเลิศ ด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะ "เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก ปี 2487" ซึ่งเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมที่สุด แกะแม่พิมพ์รูปหลวงพ่อคมชัดสวยงามมาก



เหรียญรูปเหมือนรุ่น แรก หลวงพ่อวันนี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในการบำเพ็ญกุศลอายุครบ 68 ปี ในสมัยดำรงตำแหน่งพระครูมันตภานีสังฆการ รองเจ้าคณะจังหวัดตรัง ในปีพ.ศ.2487 ส่วนใหญ่เป็นเนื้ออัลปาก้า

ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มรูป ไข่ หูในตัว ยกขอบนูนแบนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พิมพ์ด้านหน้า ตรงกลางเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อวันหน้าตรง ครึ่งองค์ ห่มจีวร โดยรอบมีอักษรไทยว่า "รองเจ้าคณะจังหวัดตรัง พระครูมันตภานีสังคการ (วันมะนะโส) วัดประสิทธิชัย" ส่วนพิมพ์ด้านหลัง ตรงกลางเป็น "ยันต์พระเจ้า 5 พระองค์" ชักเป็นยันต์สี่ ด้านบนสุดชักเป็น "ยันต์องค์พระ" มีอักษรไทยกำกับโดยรอบว่า "ไว้เป็นที่ระลึกเพื่อความสวัสดีในการบำเพ็ญกุศลเมื่ออายุครบ 68 ปี 2487"

ถ้า ท่านผู้อ่านไปพบเหรียญที่มีลักษณะ ตรงกับเหรียญรุ่นแรกนี้ แต่เป็นเนื้อตะกั่วและขนาดเล็กกว่าล่ะก็ ของแท้เหมือนกันนะครับ แต่สร้างจำนวนน้อยและไม่เป็นที่นิยมนักครับผม

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วัตถุมงคลหลวงปู่ทวด ที่ระลึก 50 ปี-วัดประสาทบุญญาวาส กรุงเทพฯ

วัตถุมงคลหลวงปู่ทวด ที่ระลึก 50 ปี-วัดประสาทบุญญาวาส กรุงเทพฯ

เปิดตลับพระใหม่

เมื่อ ปี พ.ศ.2505 "พระครูสมุห์อำพล พลวัฑฒโน" อดีตเจ้าอาวาสวัด ประสาทบุญญาวาส กรุงเทพฯ มีดำริจัดสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นมาแทนที่หลังเดิมที่ถูกไฟไหม้

ใน ครั้งนั้น พระอาจารย์ทิม ธัมมธโร พระเกจิอาจารย์ชื่อดังวัดช้างให้ จ.ปัตตานี ผู้สร้างตำนาน  พระเครื่อง หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันทุกวันนี้ เดินทางเข้ามาที่กรุงเทพฯ เข้าพักที่วัดเอี่ยมวรนุช และได้ทราบเรื่องที่วัด ประสาทบุญญาวาสถูกไฟไหม้

ต่อมาวันรุ่งขึ้น พระอาจารย์ทิมเดินทางไปที่วัดประสาทบุญญาวาส ปรึกษาหารือกับพระครูสมุห์อำพลในการบูรณะอุโบสถขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

พระ อาจารย์ทิมนำพระหลวงปู่ทวดรุ่นหลังตัวหนังสือปี พ.ศ.2505 มอบให้เพื่อถอดเป็นแม่พิมพ์และมอบมวลสารพระหลวงปู่ทวดรุ่นแรกปี 2497 พร้อมว่านแร่ดินกากยายักษ์มาให้วัดประสาท บุญญาวาส ใช้เป็นส่วนผสมในการสร้างพระหลวงปู่ทวดอีกด้วย

จุดประสงค์ในการ สร้างพระหลวงปู่ทวดในปลายปี 2505 วัดจัดสร้างพระขึ้นเพื่อนำมาบรรจุในพระเจดีย์จำนวน 84,000 องค์ และสมนาคุณแก่ผู้มีจิตศรัทธาในการบริจาคทรัพย์ด้วย และยังได้สร้างพระเพิ่มขึ้นอีกครั้งในต้นปี พ.ศ.2506 เพื่อจุดประสงค์เดิมและเพื่อแจกเป็นของสมนาคุณให้แก่ผู้ที่ไปปิดทองพระที่ หล่อขึ้นใหม่และรวมฝ่าพระพุทธบาทจำลองอีกด้วย

ด้านพิธีกรรมและการ ปลุกเสกพระของวัดประสาทบุญญาวาส นั้น จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ กล่าวว่า พิธีพุทธาภิเษก ระหว่างวันที่ 6-9 มี.ค. 2506 มีพระเกจิคณาจารย์ร่วมปลุกเสกจำนวน 234 รูป

พิธีในครั้งนั้นจึงจัด ว่าเป็นพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุด นับตั้งแต่พิธีปลุกเสกพระเครื่องฉลอง 25 พุทธศตวรรษ เป็นต้นมา

จนถึง ปัจจุบันนี้ ครบรอบ 50 ปี พระมุนีอโนมคุณ (วิเชียร) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน มีความประสงค์จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้น เพื่อระลึกถึงพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ที่เคยมาร่วมบูรณะอุโบสถ เมื่อปี พ.ศ.2506 ณ วัดประสาทบุญญาวาส ในรูปแบบต่างๆ ทั้งแบบพระบูชาหลวงปู่ทวด เหรียญที่ระลึกรูปไข่ และเป็นครั้งแรกของวัดที่ได้จัดสร้างเหรียญเสมาหน้าเลื่อนและเหรียญเม็ดแตง หลวงปู่ทวด-หลวงปู่ทิม และหลวงปู่ทวดพิมพ์เตารีดพิมพ์เล็ก-พิมพ์ใหญ่ ทั้งแบบเนื้อโลหะและเนื้อผงศักดิ์สิทธิ์ ในจำนวนการสร้างที่ไม่มากนัก

ประกอบ พิธีบวงสรวง เพื่อขอพรบารมีแห่งองค์หลวงปู่ทวด โดยพระมุนีอโนมคุณ เป็นประธานในการจัดสร้างวัตถุมงคลที่ระลึก และเททองหล่อพระบูชานำฤกษ์ "หลวงปู่ทวด-หลวงปู่ทิม วัดช้างให้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี" เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2556 ประกอบพิธีอธิษฐานจิตขอบารมีแห่งองค์สมเด็จหลวงปู่ทวด ในเดือนพ.ย. 2556

รายได้เพื่อนำไปชำระหนี้เก่าค่าก่อสร้างที่ยัง ค้างเมื่อครั้งสร้างศาลาปฏิบัติธรรม วิปัสสนากัมมัฏฐานและสมทบเข้าร่วมกองทุนมูลนิธิหลวงพ่อทวด วัดประสาทฯ เพื่อเด็กยากไร้-ขาดทุนทรัพย์ทางด้านการศึกษา เป็นต้น

สอบถามรายละเอียดได้ที่วัดประสาทบุญญาวาส เขตดุสิต กรุงเทพฯ โทร. 0-2241-0353

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เหรียญมหาปราบ หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า ปี 2555

เหรียญมหาปราบ หลวงปู่ศุข เกสโร วัดปากคลองมะขามเฒ่า ปี 2555

เปิดตลับพระใหม่

"พระ ครูวิมลคุณากร" หรือ "หลวงปู่ศุข เกสโร" พระเกจิดังแห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ที่มีพุทธคุณาคมด้านเมตตามหานิยมแคล้ว คลาด คงกระพัน

ท่าน มีนามเดิมว่า ศุข เกษเวช เกิดเมื่อวันจันทร์ เดือน 4 ขึ้น 8 ค่ำ ปีวอก พ.ศ.2390 ที่บ้านมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท อายุครบ 22 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดโพธิ์บางเขน (วัดโพธิ์ทองล่าง) มีพระครูเชย จันทสิริ วัดโพธิ์บางเขน เป็นพระอุปัชฌาย์

ท่านได้รับถ่ายทอดวิทยาคมจาก หลวงพ่อเชย พระอุปัชฌาย์ และพระอาจารย์เปิง วัดชินวนาราม ตลอดจน หลวงปู่เฒ่า วัดหงษ์ จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นศิษย์สายหลวงพ่อเชย วัดโพธิ์ทองล่าง

ครั้งหนึ่งหลวงปู่ศุข ได้มาพักจำพรรษาที่วัดอู่ทอง ซึ่งเป็นวัดร้าง จนชาวบ้านแถบนั้นเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงนิมนต์ท่านมาสร้างวัดขึ้นใหม่ คือ วัดปากคลองมะขามเฒ่า จนวัดแห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรือง

หลวงปู่ศุข มรณภาพอย่างสงบ เมื่อเดือน 1 ปีกุน พ.ศ.2466 สิริอายุ 76 ปี

พ.ศ.2555 พระราชสุทธิโสภณ (ประทวน ปภากโร) ขณะดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดชัยนาท (ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดชัยนาท) และเจ้าอาวาสวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท จัดสร้าง "เหรียญมหาปราบหลวงปู่ศุขรุ่นแรก" เพื่อแจกญาติโยมที่ร่วมงานทำบุญคล้ายวันมรณภาพหลวงปู่ศุข ในวันที่ 23 ธ.ค. 2555

ลักษณะเหรียญรูปทรงคล้ายสมอเรือหรือน้ำเต้า มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเนื้อเงิน 108 เหรียญ และเนื้อทองแดง 6,000 เหรียญ

ด้าน หน้าเหรียญ มีขอบ ตรงกลางเป็นรูปนูนหลวงปู่ศุขยืนถือไม้เท้าอยู่กลางยันต์ 108 ด้านล่างมีรูปโบและอักษรไทย เขียนคำว่า "พระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข) วัดปากคลองมะขามเฒ่า ๕๕๕"

ส่วนด้านหลังเหรียญ ตรงกลางมีอักขระขอมเป็นวงกลม มียันต์มหาปราบและหนุมาน 8 กร ปรากฏอยู่ รอบวงกลมยังมียันต์และอักขระขอมจำนวนมาก ใต้หูห่วงมีอักษรไทย เขียนคำว่า "มหาปราบ"

วันที่ 24 พ.ย.2555 ประกอบพิธีพุทธาภิเษก เป็นวาระ 3 ที่อุโบสถวัดปากคลองมะขามเฒ่า มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังนั่งปรกอธิษฐานจิต ประกอบด้วย หลวงพ่อวิชา วัดชอนทุเรียน, หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้, หลวงพ่อโฉม วัดเขาปฐวี, หลวงพ่อกำจัด วัดป่าสัก, พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ เป็นต้น

ด้วยเจตนาการจัดสร้างที่บริสุทธิ์ และมีพระเกจิคณาจารย์ชื่อดังเข้าร่วมพิธีปลุกเสก ทำให้เหรียญมหาปราบหลวงปู่ศุขรุ่นแรก มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้าน

ผู้ที่มีเหรียญนี้ไว้ครอบครองต่างมีประสบการณ์อัศจรรย์มากมาย จัดเป็นเหรียญยอดนิยมอีกเหรียญหนึ่งของชาวเมืองชัยนาท

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระกริ่งใหญ่เทวราช วัดเทวราชกุญชร (กริ่ง อิติ มะหันตัง เทวะราชัง นามะ)

พระกริ่งใหญ่เทวราช วัดเทวราชกุญชร (กริ่ง อิติ มะหันตัง เทวะราชัง นามะ)

เปิดตลับพระใหม่


เมื่อ วันที่ 5 เม.ย.2556 วัดเทวราชกุญชรได้สร้างพระกริ่ง สายสำนักวัดเทวราชกุญชร คือ "พระกริ่งเทวราช" ในโอกาสที่พระเทพคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร เจริญอายุครบ 50 ปี

สร้างตามตำราโบราณประเพณีซึ่งเชื่อกันว่า การสร้างพระกริ่งเป็นเครื่องป้องกันอุปสรรค แก้อาถรรพ์ แช่น้ำอธิษฐานเป็นน้ำมนต์ แก้โรคภัยไข้เจ็บ และให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งเป็นการเสริมบุญบารมีและมีอานิสงส์ของการบูชาพระกริ่ง

ในศุภมงคล วาระขึ้นปีใหม่ 2557 พระเทพคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร รองเจ้าคณะภาค 13 มีดำริสร้างพระกริ่งขึ้นอีกครั้งหนึ่งเพื่อมอบเป็นของขวัญและสิริมงคลส่ง ท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แก่ศิษยา นุศิษย์และประชาชนทั่วไป พระกริ่งนี้ขนานนามว่า "พระกริ่งใหญ่เทวราช" (กริ่ง อิติ มะหันตัง เทวะราชัง นามะ) มีคำอธิษฐานว่า "อิมัง หิรัญญะสุวัณณัง กริ่ง อิติ มะหันตัง เทวะราชัง นามะ พุทธะรูปัง กัตวา อะธิฏฐามิ" มีรายการดังนี้

1.พระ กริ่งใหญ่เทวราช เนื้อทองคำ เนื้อนาก เนื้อเงิน สร้างจำนวน 9 ชุด (1 ชุด มี 3 องค์) บูชาชุดละ 199,999 บาท 2.พระกริ่งใหญ่เทวราช เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวโลหะแก่ทอง สร้างจำนวน 9 ชุด (1 ชุด มี 3 องค์) บูชาชุดละ 149,999 บาท 3.พระกริ่งใหญ่เทวราช เนื้อนวโลหะ ก้นทอง ก้นเงิน ก้นทองแดง สร้างจำนวน 59 ชุด (1 ชุด มี 3 องค์) บูชาชุดละ 24,999 บาท 4.พระกริ่งใหญ่เทวราช เนื้อนวโลหะ ก้นเงิน สร้างจำนวน 499 องค์ บูชาองค์ละ 2,999 บาท 5.พระกริ่งใหญ่เทวราช เนื้อนวโลหะ สร้างจำนวน 999 องค์ บูชาองค์ละ 2,499 บาท โดยพระกริ่งใหญ่เทวราชทุกรายการมีโค้ดมีหมายเลขกำกับทุกองค์

สำหรับ พิธีพุทธาภิเษกมีพระเทพคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร จุดเทียนชัย อธิษฐานจิต และพระเกจิสายบูรพานั่งปรกอธิษฐานจิต คือ 1.พระครูสังฆกิจบูรพา (หลวงปู่บัว) วัดศรีบูรพาราม จ.ตราด 2.พระครูสุภัทราจารคุณ (หลวงพ่อสิน) วัดละหารใหญ่ จ.ระยอง 3.พระครูวิจิตรธรรมาภิรัต (หลวงพ่อเชย) วัดละหารไร่ จ.ระยอง 4.พระครูโสภณพัฒนาภิรม (หลวงปู่บุญ) วัดทุ่งเหียง จ.ชลบุรี 5.พระครูวิจิตรธรรมรัตน์ (หลวงพ่อขวัญชัย) วัดนามะตูม จ.ชลบุรี และ 6.พระครูปลัดนิวัตร (พระอาจารย์ตุ๊กแก) วัดคมบาง จ.จันทบุรี

พิธี สำคัญประกอบด้วย 1.พระสงฆ์สวดพระปาติโมกข์ เพื่อความบริสุทธิ์แห่งสำริดชนวนมวลสารก่อนเททอง 2.สวดธัมม จักกัปปวัตนสูตร ให้เกิดความสำเร็จตามแนวทางมรรคอริยสัจ 3.สวดธชัคคสูตร เพื่อระลึกถึงพุทธคุณ 4.สวดมหาสมัยสูตร เพื่อเชิญเหล่าเทพยดามาชุมนุม

การสร้างพระกริ่งใหญ่เทวราชนี้เน้นพิธีกรรมและความตั้งใจด้วยจิตที่บริสุทธิ์ สวดคาถาพุทธาภิเษก ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ โปรยดอกไม้ เวียนเทียนสมโภชพระกริ่งใหญ่เทวราช

นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้ง หนึ่งแห่งวงการพระเครื่องที่มีวัตถุประสงค์สร้างเป็นสิริมงคลแก่ ศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วไป ประกอบพิธีพุทธาภิเษกในวันที่ 29 ธ.ค.2556 เวลา 15.19 น. ณ พระอุโบสถวัดเทวราชกุญชร เขตดุสิต กรุงเทพฯ เปิดจองตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.2556 ถึงวันที่ 28 ธ.ค.2556

กำหนดรับพระวันที่ 1 ม.ค.2557 ถึงวันที่ 31 มี.ค.2557 ติดต่อสอบถามรายละเอียด โทร.0-2281-2430

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

พ.อ.เอกกมล สินหนัง (เสธ.มด) แขวนพระหลวงปู่ทวด วัดสัมพันธวงศ์ ปี 2506

พ.อ.เอกกมล สินหนัง (เสธ.มด) แขวนพระหลวงปู่ทวด วัดสัมพันธวงศ์ ปี 2506
พระเครื่องคนดัง


"การ ที่เราคล้องพระเครื่อนั้นต้องยึดมั่นในการทำความดี มีความกตัญญูรู้คุณบุพการี และแผ่นดินเกิด การมีสัจจะใน ตัวเอง จะทำอะไรก็สำเร็จ" เป็นแนวคิดของ "พ.อ.เอกกมล สินหนัง"

ปัจจุบัน พ.อ.เอกกมล ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนกิจการมวลชน ศูนย์การปฏิบัติที่ 5 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)

"เส ธ.มด"พ.อ.เอกกมล เป็นนายทหารอีกคนที่ชื่นชอบสะสมพระเครื่อง เพราะเปรียบเสมือนตัวแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่คอยเตือนสติให้คิดดี ทำดี ประพฤติดีอยู่ในศีลในธรรม

"งานที่ผมรับผิดชอบอยู่นั้นถือว่า เป็นงานมวลชน ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมภูมิใจที่ได้รับมอบหมายให้ได้รับผิดชอบในงานนี้ เพราะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดความสงบสันติสุข เพราะความร่วมมือร่วมใจของงานมวลชนที่เข้าถึงพี่น้องใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ การนำหลักธรรมในพระพุทธศาสนาเข้ามาช่วยปรับใช้กับงานมวลชน ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะทุกศาสนาก็มีคำสอนให้ทุกคนเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น"

สำหรับ
พระเครื่องวัตถุมงคล ที่เสธ.มด คล้องติดตัวอยู่เป็นประจำมี 2 องค์ด้วย คือ พระหลวงปู่ทวด ปี 2506 วัดสัมพันธวงศ์ และหลวงปู่ดู่ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา

เสธ.มดเผยว่า พระหลวงปู่ทวดนั้นได้รับมาจาก เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งเข้าไปกราบนมัสการและท่านมอบพระหลวงปู่ทวดให้ จึงได้นำขึ้นคล้องคอมาจนถึงทุกวันนี้

"ช่วงแรกที่ได้มา ผมไม่คิดอะไรมาก อาราธนาขึ้นมาแขวนคอ จากนั้นศึกษาประวัติความเป็นมา โดยสอบถามจากผู้รู้และศึกษาจากข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ปกติแล้วผมเป็นคนที่ชอบหาความรู้จากสื่อสิงพิมพ์และในโลกออนไลน์เป็นประจำ ศึกษาหาข้อมูลหลวงปู่ทวดปี"06 ทำให้รู้ว่า พระหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2506 โดยพระภิกษุวัดสัมพันธวงศ์ ถือว่าเป็นพระเครื่องดี มีพุทธคุณสูงที่จัดสร้างจากมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากภาคใต้ นับเป็นสุดยอดแห่งมวลสารของภาคกลางเมื่อเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา...ผมคิดอยู่เสมอว่าพระทุกองค์ที่คล้องอยู่ในคอ มีพุทธคุณที่ดี ก่อนเดินทางออกจากบ้านก็จะอาราธนาท่านเพื่อให้คุ้มครองในการเดินทางให้แคล้ว คลาด ปลอดภัย ซึ่งทำให้เรามีกำลังใจ และมั่นใจในการทำงาน"

พ.อ.เอกกมล เชื่อว่า พระเครื่องทุกองค์ท่านมีพุทธคุณที่ดีมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นมวลสารที่ผสมอยู่ในองค์พระ ที่เป็นมวลสารที่สิริมงคล ประกอบกับการจัดทำพิธีพุทธาภิเษก ที่มีการสวดบทวิชาคาถา ที่เป็นสิริมงคลทั้งสิ้น พระที่มาร่วมพิธีนั่งปรกอธิษฐานจิต ก็เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หรือเป็นพระสุปฏิปันโนอยู่แล้ว

"ทหาร เป็นรั้วของชาติ ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามชายแดนปกป้องอธิปไตย ที่ต้องตื่นตัวและมีความเสี่ยงอยู่ทุกขณะ ทำให้ต้องไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยวใจ ซึ่งใจชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในช่วงของชีวิตนั้น เมื่อทราบว่าที่ใดมีพระอาจารย์หรือเกจิอาจารย์ที่ประพฤติปฏิบัติดี ก็จะไปกราบฝากตัวเป็นลูกศิษย์หรือขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลจากท่าน"

"ผม เป็นคนชอบทำบุญอยู่เป็นประจำ วันหยุดเสาร์อาทิตย์ หรือช่วงเช้า ผมมักจะพาครอบครัวเข้าวัดทำบุญอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ก็ยังทำทานบริจาคเงินหรือไม่ก็บริจาคโลหิต ทุก 3 เดือน เพื่อเป็นการสร้างบุญบารมีให้กับตนเองและครอบครัวอยู่ สิ่งสำคัญคือ การกระทำความดีนั้นไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อทำแล้วตัวก็มีความสุข ทำให้มีสติในการทำงาน"
ถือเป็นหลักปฏิบัติของพ.อ.เอกกมล

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระกริ่งชินบัญชรหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พระองค์ครู เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

พระกริ่งชินบัญชร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

พระกริ่งชินบัญชรหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พระองค์ครู เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

              

 "พระกริ่งชินบัญชร" ของ "หลวงปู่ทิม อิสสริโก" วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เป็นพระเครื่องที่มีการเช่าหากันในราคาที่สูงมากอยู่ในขณะนี้ ประกอบพิธีเททองหล่อที่ลานวัดละหารไร่ ตรงกับบริเวณที่ตั้งของศาลาภาวนาภิรัตในปัจจุบัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๗ หลวงปู่ทิมเป็นผู้จุดเทียนชัยด้วยตัวหลวงปู่เอง เมื่อเวลา ๐๖.๔๕ น.

              การสร้างพระกริ่งชินบัญชรในครั้งนั้น อาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ ศิษย์ของหลวงปู่ทิมได้รวบรวมแผ่นยันต์ แผ่นจาร โลหธาตุที่เป็นมงคลต่างๆ เช่น ยอดนพศูล สายล่อฟ้า หลังโบสถ์ หลังคาวิหาร หลังคาเจดีย์ เครื่องใช้ทองโบราณ นากโบราณ เงินโบราณ สำริดโบราณ มีชนวนมวลสารสำคัญ เช่น จ้าวน้ำเงิน จ้าวน้ำทอง เหล็กละลาย เหล็กไหล ชนวนโลหะ ทุกรุ่นของวัดสุทัศน์ และโลหธาตุที่เป็นมงคลต่างๆ อีกมากมายหลายชนิด ได้นำมาเททองหล่อหลอม สร้างพระกริ่งชินบัญชรพร้อมด้วยพระชัยวัฒน์ สร้างตามตำราเดิมของสมเด็จพระพนรัต วัดป่าแก้ว ประกอบด้วย

              ๑.พระกริ่งชินบัญชร เนื้อทองคำ สร้างจำนวน ๑๓ องค์ ทุกองค์จะตอกเลขไทยตั้งแต่ ๑-๑๓ ไว้ที่ใต้ฐานมีโค้ดตราศาลาอยู่และปิดก้นด้วยแผ่นทองคำ ด้านหลังตอกโค้ดตัวนะเล็กๆ ไว้ทุกองค์

              ๒.พระกริ่งชินบัญชรก้นเงิน คือมีแผ่นเงินไว้ที่ฐานตอกโค้ดศาลาและตอกโค้ดตัวนะที่ด้านหลัง โดยพระกริ่งก้นเงินแบ่งออกเป็น ๔ ชนิด คือ ชุดก้นเงินแจกกรรมการ สร้างจำนวน ๑๙๕ องค์ ด้านหลังตอกโค้ดตัวนะใต้ฐานมีแผ่นเงินตอกโค้ดศาลาชุดนี้ไม่ได้ตอกหมายเลข กำกับ พระกริ่งชินบัญชรก้นเงินอีกจำนวน ๑๙๕ องค์ เหมือนชุดแรกทุกอย่าง แค่ตอกหมายเลข ๑-๑๙๕ ไว้ที่ด้านหลัง ซึ่งพระชุดนี้ถวายวัดเจ้าเจ็ดในนามพระอาจารย์ ทองเจือ เพื่อช่วยหาปัจจัย เสร้างวัดเจ้าเจ็ด อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา

              ๓.พระกริ่งชินบัญชรก้นเงิน เนื้อพิเศษ จำนวน ๑๖ องค์ พระชุดนี้ก้นหุ้มเงิน บุ๋มเป็นท้องกระทะ ผู้ที่ร่วมทำด้วยเห็นหุ้มก้นแบบนี้สวยดี จึงเอาพระกริ่งตีก้นเงินหุ้มไว้ใช้เองอีกประมาณ ๒๐ องค์ รวมพระนี้ก้นเงินและก้นหุ้มเงินมีจำนวนทั้งสิ้น ๔๐๖ องค์

              และ๔.พระกริ่งชินบัญชรก้นทองแดง จะปิดแผ่นทองแดงไว้ใต้ฐานและตอกหมายเลข ๒-๒๕๙๕ มีจำนวนทั้งสิ้น ๒,๕๙๕องค์ เลข ๙๕ ด้านท้ายมาจากอายุหลวงปู่ทิม พระก้นทอง แดงทุกองค์ตอกโค้ดตัวนะไว้ด้านหลัง

              ด้วยพุทธคุณและประสบการณ์ปัจจุบันพระกริ่งชินบัญชรเป็นพระที่มีสนนราคาเล่น หาสูงมาก ว่ากันว่าต้องใช้เงินหลักล้านแลกมาถึงจะได้เป็นเจ้าของ นักสะสมพระเครื่องมือใหม่จึงต้องศึกษาดูให้ดีก่อน หรือปรึกษาบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญพระเครื่องหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ก่อนที่จะตัดสินใจจ่ายเงิน เพราะเงินแท้ต้องคู่ควรกับพระแท้เท่านั้น

              สำหรับภาพพระองค์ครูฉบับนี้เป็น พระกริ่งชินบัญชร ก้นเงิน หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่  ของ "นายประเสริฐ จินดาบุญจรัส" หรือเจ้าของฉายา "หยู ท่าดินแดง" ผู้บุกเบิกศูนย์พระแท้ที่ประเทศสิงคโปร์

              นโยบายการให้เช่าพระเครื่องอย่างหนึ่งที่ทำมาตลอดที่อยู่ในวงการพระเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นที่เมืองไทยหรือสิงคโปร์ คือ "พระที่ออกจากร้านทุกองค์นอกจากรับประกันพระแท้แล้วยังรับประกันคืนเงินได้ ทุกเวลา ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาคืนเลยสักองค์"

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระพุทธรูป เก่า-ใหม่ พันธุ์แท้พระเครื่อง ราม วัชรประดิษฐ์

พระพุทธรูป เก่า-ใหม่
พันธุ์แท้พระเครื่อง ราม วัชรประดิษฐ์

"เป็นหนึ่งในหลักวิชาการที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝน จึงขอนำหลักการเบื้องต้นของพระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์ ว่าความเก่าใหม่นั้นดูอย่างไร"

ปัจจุบัน วงการนักนิยมสะสมพระบูชาพระเครื่องขยายวงกว้างยิ่งขึ้น มีผู้ให้ความสนใจศึกษาและมุ่งหวังที่จะเข้าสู่วงการเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่ถามว่าบุคคลเหล่านั้นจะเข้าใจในสิ่งที่ได้ศึกษามาอย่างถ่องแท้หรือไม่ สามารถมาขับเคี่ยวกับเสือ สิงห์ นักเล่นมืออาชีพ (เซียน) ในวงการได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความบากบั่นและมุ่งมั่นของแต่ละบุคคล

การพิจารณาพระพุทธ รูป ก็เป็นหนึ่งในหลักวิชาการที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝน จึงขอนำหลักการเบื้องต้นในการศึกษา "พระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์" ว่าความเก่าใหม่นั้นดูอย่างไร

มาทำความเข้าใจคำว่า "เนื้อสัมฤทธิ์" กันก่อน คำว่า "สัมฤทิธิ์" คือการนำโลหะต่างๆ มาผสมกัน อาทิ ทองคำ เงิน นาก ทองเหลือง ทองแดง ดีบุก ตะกั่ว ฯลฯ สำหรับพระพุทธรูปเนื้อสัมฤทธิ์มักนิยมใช้ส่วนผสมของโลหะ ดังนี้

- ผสมโลหะ 5 ชนิด คือ ดีบุก 1 บาท ปรอท 2 บาท ทองแดง 3 บาท เงิน 4 บาท และทองคำ 5 บาท เรียก "ปัญจโลหะ"

- ผสมโลหะ 7 ชนิด คือ ดีบุก 1 สังกะสี 2 เหล็กละลายตัว 3 ปรอท 4 ทองแดง 5 เงิน 6 และทองคำ 7 เรียก "สัตโลหะ"

- ผสมโลหะ 9 ชนิด คือ ชิน 1 เจ้าน้ำเงิน 2 เหล็กละลายตัว 3 บริสุทธิ์ 4 ปรอท 5 สังกะสี 6 ทองแดง 7 เงิน 8 และทองคำ 9 เรียก "นวโลหะ"

ศึกษา เกี่ยวกับโลหะต่างๆ ที่นำมาผสมรวมกัน ซึ่งจะมีคุณสมบัติเฉพาะในแต่ละตัว เช่น ทองคำ เมื่อนำมาผสมกับโลหธาตุอื่นก็จะเกิดความมันใสขึ้น "เจ้าน้ำเงิน" จะทำให้ผิวกลับดำ มองเห็นความเก่าชัดเจน เป็นต้น หรือบางครั้งเมื่อผสมกันแล้วโลหธาตุจะเปลี่ยนไป เช่น เมื่อนำทองแดงมาผสมกับสังกะสีก็จะกลายเป็นทองเหลือง ทั้งนี้ทั้งนั้น การนำเอาโลหะต่างๆ ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวมาผสมรวมกันก็จะปรากฏเอกลักษณ์เฉพาะขึ้นมาสำหรับ เนื้อสัมฤทธิ์นั้นๆ

พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ที่พบเห็นกันโดยส่วนใหญ่ มีอาทิ "เนื้อสัมฤทธิ์ดำ" เป็นส่วนผสมที่มีโลหะเงินมาก "เนื้อสัมฤทธิ์เขียว" มีส่วนผสมของทองเหลืองมาก และ "เนื้อสัมฤทธิ์แดงน้ำตาลไหม้" มีส่วนผสมของทองแดงมาก และทั้งหมดนี้ถ้าได้ผสมโลหะทองคำเข้าไปด้วย ก็จะทำให้เนื้อสัมฤทธิ์ดังกล่าวมันวาวและสวยงามยิ่งขึ้น

เมื่อทราบ ถึงลักษณะการผสมและคุณสมบัติเฉพาะที่จะมีส่วนปรากฏบนพื้นผิวองค์พระแล้ว ก็มาเข้าสู่หลักการพิจารณา "ความเก่า-ใหม่" เบื้องต้น ดังนี้

1.สังเกต พุทธศิลปะ ตามที่ได้ศึกษามาว่าอยู่ในสมัยใดเป็นอันดับแรก ทวารวดี ศรีวิชัย ลพบุรี เชียงแสน สุโขทัย หรืออยุธยา จากนั้นดูความประณีตงดงามว่าเป็นฝีมือช่างหลวงหรือช่างราษฎร์

2.พระ เก่าหรือโลหะเก่าแท้จะต้องมีคราบ มีสนิม ความสึกกร่อน รอยชำรุด รูสนิมขุม ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ สนิมจะเกิดจากด้านในออกมาด้านนอก ปากสนิมจะเล็ก การกัดกินจะไม่สม่ำเสมอ แต่ถ้าพระใหม่จะใช้น้ำกรดสาด ลักษณะสนิมปากนอกจะกว้าง และความขรุขระสม่ำเสมอ

3.พระเก่าเมื่อสัมผัสจะไม่มีขอบคม ไม่เหมือนพระใหม่

4.พระเก่าผิวเนื้อจะเข้ม มันใส และแห้งเนียน ในภาษาวงการพระเรียก "มีความซึ้งตาซึ้งใจ" ไม่กระด้างเหมือนพระใหม่

5.พระเก่าที่มีอายุยาวนาน เมื่อเคาะที่ฐานจะมีเสียงแปะๆ ส่วนพระใหม่เสียงจะกังวาน

6.ดินหุ่นด้านในใต้ฐานองค์พระของพระเก่าจะค่อนข้างหนา และแข็ง เอามือสัมผัสแทบไม่หลุดติดมือมาเลย

7.เม็ดพระศกของพระเก่าจะเล็กบ้างใหญ่บ้างเบี้ยวบ้างแตกต่างกันเล็กน้อย แต่พระใหม่จะเป็นระเบียบ

แต่ อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการเข้าสู่วงการนักสะสมจริงๆ ท่านต้องหมั่นค้นคว้าศึกษา ได้เห็นของแท้บ่อยๆ ให้เกิดความชินตา หาผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญที่ไว้วางใจได้สักคนที่จะให้คำแนะนำที่ถูกต้อง
ที่สำคัญต้องกล้าเสี่ยงที่จะลองผิดลองถูกครับผม

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระสมเด็จคุ้มภัย พระอาจารย์คัมภีร์ คอลัมน์ เปิดตลับพระใหม่

พระสมเด็จคุ้มภัย พระอาจารย์คัมภีร์
คอลัมน์ เปิดตลับพระใหม่

"พระอาจารย์คัมภีร์ จิตตสาโร" หรือ "พระอาจารย์แห้ง วัดป่าเลไลย์ ต.หนองยายดา อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี เป็นพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธา ทั้งในจังหวัดอุทัยธานีและจังหวัดใกล้เคียง

ท่านเป็นศิษย์เอกสายตรง หลวงพ่อสมควร วิชชาวิสาโล วัดศรีสวรรค์สังฆาราม (วัดถือน้ำ) พระเกจิชื่อดังในอดีต
ปัจจุบันอายุ 48 ปี พรรษา 24

พระ อาจารย์คัมภีร์ มีนามเดิมว่า เลิศ เพ็ชรหมัด เชื้อสายไทยทรงดำ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 20 ก.ย.2508 ปีมะเส็ง ที่บ้านแหลมทอง ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ อายุ 12 ปี บรรพชา ที่วัดศรีสวรรค์สังฆาราม (วัดถือน้ำ) ขณะเป็นสามเณร ได้ติดตามรับใช้หลวงพ่อสมควร เรียนอักขระขอม-บาลี และวิทยาคม พร้อมติดตามไปสร้างวัดเขาพระยาพายเรือ อ.ลานสัก และวัดเขาหินเทิน อ.สว่าง อารมณ์ จ.อุทัยธานี

อายุครบ 24 ปี อุปสมบท เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2532 ณ พัทธสีมาวัดปากน้ำโพใต้ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีพระครูนิยุติ วีรวัฒน์ เป็นพระอุปัชฌาย์

หลังพระ อาจารย์คัมภีร์ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดป่าเลไลย์ ท่านได้มุ่งมั่นพัฒนาวัดด้วยการจัดสร้างกุฏิสงฆ์ 5 หลัง, ศาลาปฏิบัติธรรม 1 หลัง, กำแพงวัด, ซุ้มประตูวัด และห้องน้ำ พร้อมเทศนาอบรมญาติโยมที่มาทำบุญ ทุกวันพระและวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

พระอาจารย์แห้งจัดสร้าง วัตถุมงคล ออก มาหลายรุ่น แต่ละรุ่นเป็นที่สนใจของพุทธศาสนิกชนทั่วไป วัตถุมงคลที่เด่นดัง อาทิ ตะกรุดโทน, ตะกรุดสาลิกาหลงรัง, เหรียญ เสาร์ห้า รุ่นแรก, รูปหล่อเหมือนปั๊ม รุ่นแรก เป็นต้น

วันที่ 1 ม.ค.2556 ขณะพระอาจารย์คัมภีร์จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าเลไลย์ ได้จัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมารุ่นหนึ่ง เป็น "พระสมเด็จคุ้มภัย" สร้างด้วยเนื้อทองระฆัง 1,000 องค์ เพียงเนื้อเดียว เพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างกุฏิสงฆ์เพิ่มเติม โดยพระอาจารย์คัมภีร์ ปลุกเสกเดี่ยวตลอดไตรมาส (3 เดือน)

พระสมเด็จคุ้มภัยรุ่นนี้ มีลักษณะเหมือนพระสมเด็จโดยทั่วไป แต่ของพระอาจารย์คัมภีร์ เป็นพระสมเด็จพิมพ์ไกเซอร์ เนื้อระฆัง มีซุ้มรอบองค์พระพุทธ เศียรโต อกครุฑ ส่วนด้านหลังไม่มีขอบ ตรงกลางเป็นยันต์ "นะทรงแผ่นดิน" ใต้ยันต์มีอักษรไทย เขียนคำว่า "วัดป่าเลไลย์" ไม่มีโค้ด

ด้วยมีวัตถุประสงค์จัดสร้าง ชัดเจน พระเกจิอาจารย์ดังนั่งปรก ทำให้พระสมเด็จคุ้มภัยพระอาจารย์คัมภีร์ เปี่ยมด้วยพุทธคุณเด่นทั้งเมตตามหานิยม โชคลาภ และแคล้วคลาดปลอดภัย

จัดเป็นวัตถุมงคลยอดนิยมในพื้นที่อีกเหรียญหนึ่งของเมืองอุทัยธานี ได้รับความนิยมในพื้นที่

ผู้สนใจหาเช่าบูชาได้ที่วัดป่าเลไลย์ ต.หนองยายดา อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

ฉลองวัดมหาวัน 1,356 ปี จัดสร้างวัตถุมงคลย้อนยุค พระรอดมหามงคล 59

ฉลองวัดมหาวัน 1,356 ปี จัดสร้างวัตถุมงคลย้อนยุค พระรอดมหามงคล 59

วัดมหาวัน" อ.เมือง จ.ลำพูน เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดลำพูน เป็นหนึ่งในพระอารามหลวง ยุคสมัยพระนางจามเทวี ปฐมกษัตรีย์แห่งนครหริภุญชัย เมื่อประมาณปี พ.ศ.1200 สมัยนั้นฤๅษีนารอทและคณะช่างจากเมืองละโว้ ได้สร้างพระรอดขึ้นเป็นครั้งแรกและนำมาบรรจุไว้ในกรุวัดมหาวัน อ.เมือง จ.ลำพูน

ด้วยพุทธคุณหลายด้านและศิลปะอันงดงาม พระรอดจึงเป็นหนึ่งในพระเบญจภาคี พระเครื่องยอดนิยมของคนไทยที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด และเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวลำพูนมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลา 1,356 ปี

วัดมหาวัน และคณะศรัทธาประชาชนชาวลำพูน เห็นว่าพระรอดควรค่าในการนำพิมพ์เก่าแก่ดั้งเดิมมาสร้างใหม่ ให้คนรุ่นหลังได้มีไว้บูชา จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก พระรอดย้อนยุคครั้งยิ่งใหญ่ฉลอง วัดมหาวัน ครบ 1,356 ปี จัดสร้างพระรอด "รุ่นพิเศษ มหาวัน 1,356 ปี" (มหามงคล 59)

ประกอบพิธีมหามงคลพุทธาภิเษก วันที่ 13 ธ.ค.2556 ณ วิหารหลวง วัดมหาวัน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน มีครูบาเถราจารย์แห่งล้านนา อธิษฐานจิตปลุกเสก จำนวน 159 รูป

เมื่อเร็วๆ นี้ วัดมหาวัน ประกอบพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพิธีกดพิมพ์ปฐมฤกษ์ สร้างพระรอด รุ่นพิเศษ มหามงคล 59

พระครูพิศาลธรรมนิเทศ เจ้าคณะอำเภอเมืองลำพูน เจ้าอาวาสวัดมหาวันเมืองลำพูน เปิดเผยว่า วัดมหาวัน สร้างพระรอด รุ่นพิเศษ มหามงคล 59 กำหนดจัดพิธีพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่ 3 วัน 3 คืน สุดยอดพิธีล้านนามหามงคลพุทธาภิเษกพระรอดย้อนยุคครั้งยิ่งใหญ่ ฉลองวัดมหาวัน ครบ 1,356 ปี กำหนดจัดงาน ระหว่างวันที่ 13-15 ธ.ค.2556

ก่อนหน้านี้ วัดมหาวัน ได้นำมวลสารจากพระเกจิดังทั่วประเทศที่ผ่านการปลุกเสกเดี่ยวมาแล้ว นำมาประกอบพิธีในวันปลุกเสกใหญ่ด้วย

พระเกจิดังที่เข้าร่วมประกอบพิธีปลุกเสกมวลสาร อาทิ ครูบาหม่อนคำตั๋น วัดม่อนปู่อิน อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่, พระครูอดุลธรรมณี วัดบ้านโฮ่งหลวง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน, พระครูพินิจสารธรรม (ครูบาพรรณ) วัดพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน, ครูบาดวงดี ยติโก วัดบ้านฟ่อน จ.เชียงใหม่, ครูบาคำฝั้น อินทวัณโณ วัดกอโชค อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เป็นต้น

สำหรับความหมายมหามงคล 59 พระรอดย้อนยุครุ่นพิเศษ ความหมายของเลข 5 หมายถึง พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า, พระโกนาคมพุทธเจ้า, พระกัสสปพุทธเจ้า, พระโคตมพุทธเจ้า และพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า อาศัยพระบารมีแห่งองค์พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ทรงอิทธิฤทธิ์คุ้มภัยและประทานพร

เลข 9 หมายถึง พุทธคุณพระรอด 9 อย่าง คือ 1.รอดพ้นหมู่ภัยมาร, 2.บันดาลโชคลาภ, 3.ปราบข้าศึกศัตรู, 4.ค้ำชูดวงชะตา 5.เสริมมหาบารมี, 6.ประดับราศีมีอำนาจ, 7.แคล้วคลาดปลอดภัย, 8.ดั่งใจเวลาปรารถนา, 9.มนุษย์ เทวดา รักษาคุ้มครอง

สำหรับวัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง พระรอดจำลอง รุ่นพิเศษ มหามงคล 59 คือ 1.จัดหาทุนสร้างกุฏิสักทอง กุฏิที่พักพระภิกษุสามเณร วัดมหาวัน 2.จัดตั้งกองทุนนิธิบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุของวัดมหาวัน 3.สมทบ ทุนอาหารกลางวันของนักเรียน โรงเรียนเมธีวุฒิกรฯ 4.สมทบทุนการศึกษาภาษาบาลี

ส่วนกำหนดการจัดพิธีพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่ 3 วัน 3 คืน มีดังนี้

วันศุกร์ที่ 13 ธ.ค. เวลา 08.45 น. ประกอบพิธีบวงสรวง เวลา 13.00 น. สวดมนต์มหาพุทธาภิเษก 4 รูป เวลา 15.00 น. พิธีอธิษฐานจิต โดย ครูบาชื่อดังแห่งล้านนา 19 รูป เวลา 19.00 น. พิธีพุทธาภิเษกสวดมนต์ตั๋น 59 รูป อธิษฐานจิต 19 รูป เวลา 22.00 น. เทศน์ ธรรมพุทธาภิเษก 3 ผูก (พุทธาภิเษก ปฐมสมโพธิ์ ปารมี)

วันอาทิตย์ที่ 15 ธ.ค. 2556 เริ่มเวลา 06.00 น. ประกอบพิธีเบิกเนตร ประธานในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการโดยมี พล.ต.โชคดี เกตสัมพันธ์ ผู้ช่วยผอ.สำนักงบประมาณกลาโหม สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

ผู้ที่มาร่วมงานมหามงคลพุทธาภิเษก จะได้รับ วัตถุมงคลพระรอดมหามงคล 59 เนื้อดิน พิมพ์พิเศษ (ไม่มีให้เช่าบูชา)

วัตถุมงคลพระรอด ที่จัดสร้าง อาทิ พระรอดเนื้อทองคำ มีพิมพ์ใหญ่ย้อนยุค R1 น้ำหนักทอง 8.06 กรัม (ใช้พระรอดอายุ 1,356 ปี กดบล็อกพิมพ์), พิมพ์ใหญ่ประยุกต์ R2 น้ำหนักทอง 12 กรัม (พิมพ์แกะขึ้นมาใหม่), พิมพ์ใบมะขาม R3 น้ำหนักทอง 5.12 กรัม (พิมพ์นิยม)

พระรอดเนื้อเงิน พิมพ์ใหญ่ย้อนยุค รหัส R4 องค์ละ 2,500 องค์ พระรอดเนื้อเงิน พิมพ์ใหญ่ประยุกต์ รหัส R5 จำนวน 2,500 องค์ ,พระรอดเนื้อนวโลหะ รหัส R6 5,000 องค์ เป็นต้น

ผู้สนใจติดต่อสั่งจองได้ที่วิหารหลวงวัดมหาวัน และสำนักงานเจ้าคณะอำเภอเมืองลำพูน บูชาสั่งจองต้องชำระเงินเต็มตามจำนวนสั่งจอง เปิดรับจอง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป รับวัตถุมงคลในวันที่ 20 ธ.ค.2556 กำหนดจัดส่งวัตถุมงคลที่บูชาภายใน 45 วัน ต่างจังหวัด ติดต่อสอบถามโทร.08-3089-3986

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php
คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ


วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

เหรียญหลวงเตี่ยสุรเสียง เปิดตลับพระใหม่

เหรียญหลวงเตี่ยสุรเสียง
เปิดตลับพระใหม่


หลวง เตี่ยสุรเสียง ปัญญาวชิโร หรือพระครูสุนทรธรรมโฆษิต เจ้าอาวาสวัดโพธิชัยวราราม (วัดป่าเลิงจาน) ต.แก่งเลิงจาน อ.เมือง จ.มหาสารคาม และเจ้าคณะอำเภอกันทรวิชัย จ.มหาสารคาม

เกิดเมื่อปี พ.ศ.2483 ณ ต.บ้านแป้ง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ใช้ชีวิตทางโลกจนอายุได้ 44 ปี จึงตัดสินใจเข้าสู่พิธีอุปสมบท ที่วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย มีหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เป็นพระอุปัชฌาย์

เหตุที่ญาติโยมเรียกขาน ว่า หลวงเตี่ย เนื่องจากเป็นคนไทยเชื้อสายจีน มีนามเดิมว่า สุรเสียง แซ่เตี๋ย จึงมีคนนิยมเรียกชื่อท่านรวมกับนามสกุล จนเพี้ยนกลายเป็นหลวงเตี่ย
ปัจจุบัน สิริอายุ 73 พรรษา 29

หลวงเตี่ยสุรเสียง เป็นพระเกจิ อาจารย์ที่สาธุชนให้ความเลื่อมใส กล่าวกันว่างาน พุทธาภิเษกวัตถุมงคลสายคณะธรรมยุต ในพื้นที่จ.มหาสารคาม หรือใกล้เคียงจะต้องนิมนต์ท่านเข้าร่วมพิธีอธิษฐานจิตทุกครั้ง

นอก จากนี้ยังเป็นพระนักพัฒนา หลังมาจำพรรษาปฏิบัติธรรมที่วัดโพธิชัยวราราม (วัดป่าเลิงจาน) ทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อพัฒนาวัดแห่งนี้ให้เจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน สร้างวัตถุมงคลออกมาหลายรุ่นเพื่อหาจตุ ปัจจัยก่อสร้างสาธารณูปโภคสาธารณูปการภายในวัด และขณะนี้ทางวัดกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างพระอุโบสถ ซึ่งเริ่มก่อสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จตามความตั้งใจของหลวง เตี่ย

วัตถุมงคลที่ถือว่าโดดเด่น เป็นยอดปรารถนาของบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่อง คือ เหรียญรูปไข่หน้าตรง สร้างปี 2540 จัดสร้างขึ้นจำนวน 10,000 เหรียญ เป็นชนิดเนื้อทองแดงรมดำอย่างเดียว มีหูห่วง มีวัตถุ ประสงค์เพื่อหาจตุปัจจัยสมทบทุนก่อสร้างอุโบสถ

ด้านหน้าเหรียญ ยกขอบมีจุดไข่ปลารอบ บริเวณกลางเหรียญเป็นรูปเหมือนครึ่งองค์หน้าตรง ด้านล่างเขียนคำว่า "หลวงเตี่ยสุรเสียง"

ด้าน หลังเหรียญ ใต้หูห่วง เขียนคำว่า "วัดป่าเลิงจาน" จากด้านขวาของเหรียญลงไปด้านล่างวนไปด้านซ้าย เขียนคำว่า "เจ้าคณะอำเภอกันทรวิชัย จ.มหาสารคาม"ส่วนกลางเหรียญมีอักขรยันต์ อ่านว่า นะ มะ พะ ทะ เป็นคาถาตั้งธาตุ และด้านล่าง เขียนว่า "๒๕๔๐" เป็นปีพุทธศักราชที่จัดสร้าง โดยหลวงเตี่ยปลุกเสกเดี่ยวภายในกุฏิท่านนานถึง 1 พรรษา

หลวงเตี่ยสุรเสียงนำวัตถุมงคลรุ่นนี้ออกแจกจ่ายให้กับญาติ โยมที่มาร่วมบริจาคทำบุญก่อสร้างอุโบสถกับวัดอย่าง ต่อเนื่อง ด้วยเจตนาการจัดสร้างที่บริสุทธิ์ เข้มขลังด้วยวิทยาคมสายหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ทำให้วัตถุมงคลรุ่นนี้ มีพุทธคุณโดดเด่นรอบด้าน อาทิ แคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม เป็นต้น

ทำให้นักสะสมพระเครื่อง ต่างให้ความสนใจเสาะแสวงหามาเก็บไว้บูชา

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

วัดเทวราชฯชวนสร้างพระกริ่งใหญ่

พระเทพคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร เขตดุสิต กรุงเทพฯ และรองเจ้าคณะภาค 13 เปิดเผยว่า วัดเทวราชกุญชรมีแนวทางที่จะสนับสนุนการศึกษาของพระสงฆ์ภายในวัด จึงจัดตั้งโครงการทุนนิธิวัดเทวราชกุญชรขึ้น เพื่อสนับสนุนการศึกษาพระภิกษุ-สามเณรภายในวัด รวมถึงเป็นทุนในการจ้างครูเข้ามาสอนหนังสือให้กับพระภิกษุ-สามเณรด้วย โดยได้ตั้งทุนประเดิมไปแล้วจำนวน 1 แสนบาท ทั้งนี้ จะเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้าร่วมกองทุนดังกล่าวได้ด้วยการร่วมบริจาคเงินตั้งต้นในการเข้ากองทุนจำนวน 1,000 บาท และวัดเทวราชกุญชร จะจัดทำบัตรสมาชิกสะสมบุญตลอดชาติให้ และเมื่อบริจาคเงินเข้าร่วมกองทุนครั้งต่อไปก็เท่ากับเป็นการสะสมบุญ

ทั้งนี้ การจัดตั้งทุนนิธิดังกล่าวเพื่อเป็นทุนสนับสนุนการศึกษาของพระภิกษุ-สามเณร ในวัดทั้งทางโลกและทางธรรม โดยในส่วนของทางโลกจะสนับสนุนให้พระภิกษุ-สามเณรที่มีความสนใจได้มีโอกาสศึกษาในระดับอุดมศึกษาจนถึงระดับปริญญาเอก ขณะที่ในด้านทางธรรมจะสนับสนุนทั้งในส่วนของนักธรรมและบาลีด้วย

พระเทพคุณาภรณ์กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการหาทุนในการสนับสนุนทุนนิธิดังกล่าว คณะสงฆ์วัดเทวราชกุญชรจึงดำเนินการสร้างพระกริ่ง เพื่อมอบเป็นของขวัญและสิริมงคลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แก่ศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วไป พระกริ่งรุ่นนี้นามว่า ....พระกริ่งใหญ่เทวราช.... โดยมีพิธีพุทธาภิเษกวันที่ 29 ธ.ค.2556 เวลา 15.19 น. ที่พระอุโบสถวัดเทวราชกุญชร เขตดุสิต กรุงเทพฯ

เปิดจองตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.2556 ถึงวันที่ 28 ธ.ค.2556 กำหนดรับพระวันที่ 1 ม.ค.2557 ถึงวันที่ 31 มี.ค.2557 สอบถามรายละเอียด โทร.0-2281-2430

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระคลังฯองค์จำลอง ประดิษฐานกระทรวงคลัง

พระคลังฯองค์จำลอง ประดิษฐานกระทรวงคลัง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริจัดสร้าง ....พระคลังในพระคลังมหาสมบัติ.... เพื่อให้เป็นที่คุ้มครองปกปักรักษาพระราชทรัพย์ของแผ่นดินที่รวมเก็บไว้ใน กรมพระคลังมหาสมบัติ และให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวแก่ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ที่รับราชการในกรมพระคลังมหาสมบัติให้มีขวัญกำลังใจยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต เทวรูปพระคลัง มีลักษณะเป็นเทวดาหล่อยืนทรงเครื่องกษัตริยาธิราช สวมมงกุฎยอดชัย พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัว โดยมีความเชื่อว่าใครสักการบูชาจะมีโชคทางด้านการเงิน

กรมธนารักษ์ หรือกรมพระคลังมหาสมบัติในสมัยก่อน จึงได้สืบทอดการดูแลทรัพย์สินของแผ่นดิน ในวาระครบรอบ 80 ปีกรมธนารักษ์ จึงได้มีโครงการจัดสร้างพระคลังมหาสมบัติลอยองค์

เนื่องในโอกาสที่ มีการจัดสร้างพระวิมาน กรมธนารักษ์ประกอบพิธีอัญเชิญองค์ ....พระคลังในพระคลังมหาสมบัติองค์จำลอง.... ประดิษฐานเพื่อความเป็นสิริมงคล ให้แก่ข้าราชการและประชาชนได้สักการบูชา ณ ลานเทวะ ภายในกระทรวงการคลัง ซอยอารีย์สัมพันธ์

มี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การคลัง และ พระธรรมภาวนาวิกรม (เจ้าคุณธงชัย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานในพิธีและเบิกเนตรพระคลังมหาสมบัติ พร้อมทั้งอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพระวิมาน โดยมีข้าราชการและประชาชนเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ณ บริเวณลานเทวะ ภายในกระทรวงการคลัง

ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ได้จัดสร้างเหรียญที่ระลึกพระคลังในพระคลังมหาสมบัติรุ่นพิเศษ รูปแบบด้านหน้าเป็นองค์พระคลังและพระวิมานใหม่ ด้านหลังระบุข้อความ ....เหรียญที่ระลึกการประดิษฐานเทวรูปพระคลัง ณ กระทรวงการคลัง.... ผลิตด้วยเนื้อโลหะคิวโปรนิกเกิลที่มีความวาวสวยงาม รูปทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 32 มิลลิเมตร บรรจุมาในตลับและซองกระเป๋าพร้อมใบรับรองจากกรมธนารักษ์ จำหน่ายในราคาเหรียญละ 500 บาท

รายได้ส่วนหนึ่งของการจัดจำหน่ายมอบ ให้ ....โครงการเพชรยอดมงกุฎ.... ซึ่งเป็นโครงการที่พระธรรมภาวนาวิกรม (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างนักเรียนให้เกิดความเป็นเลิศในด้านการศึกษา 10 สาขาวิชา เพื่อให้สามารถแข่งขันทัดเทียมกับต่างประเทศได้ โดยดำเนินการมากว่า 10 ปี เช่น สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ คณิต ศาสตร์ ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ และอีก 6 สาขา

รวมทั้งนำไปปรับปรุงขยายศาลาเครื่องราช อิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเหรียญกษาปณ์ เพื่อให้เป็นสถานที่จัดแสดงทรัพย์สินมีค่าของแผ่นดิน และเพื่อสวัสดิการข้าราชการกรมธนารักษ์

เหรียญที่ระลึกพระคลังในพระ คลังมหาสมบัติรุ่นพิเศษนี้กรมธนารักษ์ผลิตขึ้นมาด้วยจำนวนจำกัดเพียง 10,000 เหรียญเท่านั้น และขอสงวนสิทธิ์จำหน่ายให้ไม่เกิน 25 เหรียญต่อท่าน ที่สำนักการคลัง กรมธนารักษ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2278-5641


ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ยันต์มหาละลวยใหญ่พุทธคุณดีสารพัดเป็นนะจังงังมหาจังงัง

ยันต์มหาละลวยใหญ่พุทธคุณดีสารพัดเป็นนะจังงังมหาจังงัง

ยันต์มหาละลวยใหญ่พุทธคุณดีสารพัดเป็นนะจังงังมหาจังงัง : ชั่วโมงเซียน โดยอ.โสภณ
              เหรียญ ร.๕ หรือ เหรียญพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ถือเป็นเหรียญยอดนิยมที่สุดในบรรดาเหรียญที่ระลึกของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าในอดีต ด้วยเหตุที่ว่า "ผู้นำไปใช้มีประสบการณ์มากมายเกินคณานับ" แต่เหนือสิ่งอื่นใดน่าจะมาจาก "พระองค์ได้ประกาศเลิกทาส ให้พลเมืองมีเสรีภาพและสิทธิเสมอกัน โดยทรงเริ่มดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๑๗ จนกระทั่ง พ.ศ.๒๔๔๒ ทั้งนี้ทรงประกาศใช้ พ.ร.บ.ทาส ร.ศ.๑๒๕ ให้ลูกทาสเป็นไทยทั้งหมด"

              เหตุที่เหรียญ ร.๕ ได้รับความนิยม เพราะพระองค์ท่านมีบารมีสูง ผู้ที่ห้อยบูชาเหรียญของพระองค์ท่านจึงได้รับบารมีไปด้วย ซึ่งเทียบได้กับพุทธคุณของพระเครื่อง มีทั้งที่ปลุกเสกและไม่ปลุกเสก โดยเฉพาะเหรียญกษาปณ์ที่เคยใช้ชื้อของกันในสมัยนั้น มีอยู่ ๒ ลักษณะ คือ เหรียญช้าง ๓ เศียร และเหรียญตราแผ่นดิน เป็นเหรียญที่นิยมของวงการพระเครื่อง สภาพสวยสมบูรณ์เหรียญช้าง ๓ เศียรเนื้อเงินค่านิยมอาจสูงเกินแสนบาท ในขณะที่เหรียญตราแผ่นดิน สภาพสวยสมบูรณ์ ค่านิยมเกือบหมื่นบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ใจว่า เหรียญทั้งสองไม่ได้เข้าพิธีปลุกเสกโดยเกจิอาจารย์แต่เป็นเหรียญที่มี พุทธคุณสูง โดยมีคติความเชื่อว่า ผู้แขวนจะมีโชคลาภบารมี

              ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้าง กลุ่มบริษัท บัวทอง พร็อพ เพอร์ตี้ จำกัด โดยการนำของ สจ. ดร.ไพโรจน์ สุขจั่น ประธานกรรมการบริหาร และ ดร.บัวทิพย์ สุขจั่น นายก อบต. บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบรี จึงจัดสร้าง เหรียญอามเสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕ หลังยันต์ ๕ แถวหนุนดวง และ เหรียญกลมเสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕ หลังยันต์มหาละลวยใหญ่ แจกฟรีใงาน บุญประจำปีของบริษัท โดยได้เเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าสักการบูชาเสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕ และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในถ้ำแก้วเนรมิต หินธาตุกายสิทธิ์ แห่งเดียวในจ.นนทบุรี ณ เรือนทิพย์พิมาน ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี

              "ยันต์มหาละลวยใหญ่" หลังเหรียญกลมเสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕ มีคติความเชื่อว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า "ยันต์มหาละลวยใหญ่ มีพุทธคุณดีสารพัดจะใช้ได้ทางเมตตา ผูกใจให้รัก เสกเครื่องหอมแป้งขี้ผึ้ง น้ำมันทาตัวก็ได้ เสกสรรพสิ่งทั้งปวงก็ได้ วิเศษนักแล เป็นนะจังงังมหาจังงังด้วยคือเมื่อเกิดเหตุร้ายต้องเผชิญหน้ากับ ศัตรู ในมุมที่เราไม่สามารถต่อกลอนไก้นั้นท่านให้กลั้นใจท่องมนต์มหาละลวย ศัตรูเรานั้นจะลืมเรื่องที่โกรธเรา  หากเมื่อไหร่ที่มีภัยเข้าถึงตัว ทั้งภัยโจร หรือ แม้แต่ราชภัยก็ตาม ท่านว่าหากพกตะกรุดมหาละลวยติดตัวไว้เมื่อเขาเห็นหน้าเรา จะใจอ่อนทันที หากมีเรื่อง มีราวหรือมี เหตุการณ์ที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ท่านว่านายศาลเห็นหน้าเราให้ยอมความ "

              คาถามหาละลวยมี ๒ แบบ คือ แบบที่ ๑. โอม นะโมพุทธายะ เพชชละลวย มหาละลวย ชายเห็นชายงวย หญิงเห็นหญิงหลง เห็นหน้างวยงง หลงพิศวาสครวญหา นั่งท่าฟังข่าว นั่งเฝ้าปากทาง นั่งเยี่ยมหน้าต่าง กอดอกรำพึง มะอะอุ คนึงบ่มินอน อิสะวาสุ สุดสวาทอาวรณ์ ร้อนรนทนอยู่มิได้ พุทธังสะระติ จิตตัง สะมาเรมะ มะเอหิ ธัมมังสะระติ จิตตัง สะมาเรมะมะเอหิ สังฆังสะระติ จิตตัง สะมาเรมะมะเอหิ นะมิเห็นหน้ากูอยู่มิได้ โมร้องไห้ครวญคราง พุทธกอดไว้มิใคร่จะวาง ธาครวญครางสะอื้นไห้ ยะหลงใหลในจิต หญิงใดชายใดได้เพ่งพิศ ก็อยู่มิได้ร้องไห้มาหากู โอมประสิทธิแก่กู สวาหะ เอหิชัยยะ เอหิสัพเพชะนา พหูชะนาเอหิ ฯ

              คาถามหาละลวย แบบที่ ๒.นะนะมะพะธะ นะเมตตามหาละลวย โมนะมะพะธะ โมกรุณามหาละลวย พุทนะ มะพะธะพุทปรานิมหาละลวย ธานะมะพะธะ ธายินดีมหาละลาย ยะนะมะพะธะ ยะเอ็นดูมหาละลวย สัพพสิทธิภวันตุเมฯ

              นอกจากนี้แล้วยังอุปเท่ห์อย่างหนึ่ง ของคาถามหาละลวย คือ  เป็นคาถาเก่าแก่ที่นิยมใช้กันมานาน การใช้คาถาต่างๆ อยู่ที่สมาธิ ไม่ใช่อยู่ๆ ท่องแล้วจะเป็นตามต้องการ หากท่อง  ๕ จบ ที่ว่า "นะ ละลวย หันตะวา โม เมามัว พุท พาตัว (ชื่อคนที่คุณรัก) มาหากู ทา สมสู่ ยะ อยู่ด้วยกันจนตาย นา สังสิโม สังสิโมนา สิโมนาสัง โฆนาสังสิ" เสกเป่าใส่เครื่องดื่มน้ำหรือขนมหวาน ให้คนที่ถูกเอ่ยชื่อในคาถานี้กิน คนโบราณเชื่อถือกันนักว่า เมื่อเขาหรือเธอ กลับบ้านเเล้ว ในใจจะมีเเต่ใบหน้าคุณลอยวนเวียนอยู่ตลอดเวลา ในใจจะโหยหามิเป็นอันอยู่นิ่งได้ ต้องการหาทางกลับมาพบหน้าคุณอีกครา
แจกฟรี! และถวายวัดทั้งหมด
              เหรียญอามเสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕ หลังยันต์ ๕ แถวหนุนดวง และ เหรียญกลมเสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕ หลังยันต์มหาละลวยใหญ่  ส.จ.ดร.ไพโรจน์  ได้ตระเวนปลุกเสกถึง ๙ วาระ ทั้งนี้เมื่อ "วันปิยมหาราช" ตรงกับ วันพุธที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๖สจ.ดร.ไพโรจน์ ได้ทำบุญครั้งใหญ่ประจำปี  ๒๕๕๖  ณ เรือนทิพย์พิมาน ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี  ช่วงเช้า พิธีบวงสรวง เสด็จพ่อ ร.๕ โดย  "นายณรงศักดิ์ คูกิติรัตน์"  หรือ อ.แห้ว หมอดูเทวดาตาทิพย์ ศาลเจ้าพ่อนาคราช อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์  และพิธีพุทธาภิเษกเหรียญเสด็จพ่อ ร.๕ วาระที่ ๙ โดย ๗ พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง   ร่วมตั้งจิตถวายสังฆทานเปลี่ยนดวงชะตาให้เป็นดวงมหาเศรษฐี กับ อาจารย์คม ไตรเวทย์  จอมขมังเวทแห่งเมืองสุพรรณบุรี และเข้าชมถ้ำแก้วเนรมิต หินธาตุกายสิทธิ์ เพื่อสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์

              ในวันดังกล่าว อ.แห้ว หมอดูเทวดาตาทิพย์ ได้ประกอบพิธี บวงสรวงเสด็จพ่อรัชกาลที่  ๕ เวลา ๗.๐๐ น. หลังจากนั้นจะมีพิธีพุทธาภิเษกเหรียญเสด็จพ่อ รัชกาลที่ ๕ โดยพระเกจิอาจารย์  ๗ ท่าน ได้แก่ พระญาณดิลก (พระอาจารย์แดง) วัดมกุฏคีรีวัน (เขาใหญ่) , พระพิมลศีลาจาร(หลวงพ่อแสวง) เจ้าอาวาสวัดลาดปลาดุก จ.นนทบุรี , พระครูสังฆรักษ์อวยพร  ฐิติญาโณ วัดดอนยายหอม อ. เมือง จ. นครปฐม, พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร วัดท่าไม้, หลวงพ่อบัวรตน (บัวสอน) เขมจิตโต วัดเขาถ้ำประทุน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์, พระอาจารย์ชาตรี สิริคตโต (จ.นครปฐม), พระมหาอนุชาติ อนภทโท (วัดไผ่เหลือง) และคณะสงฆ์อีกจำนวน  ๕ รูป

              ส.จ.ดร.ไพโรจน์ บอกว่า ทุกๆ งานบุญประจำปีของบริษัทได้พยายามๆ ทำสิ่งดีๆ มอบให้กับผู้ร่วมงาน เมื่อหลายปีก่อนได้พิมพ์หนังสือหนังสือสวดมนต์มงคลคาถามหาเศรษฐีบุญหนุนนำกรรมลิขิต พร้อมคาถามหามงคล ที่พิมพ์ด้วยกระดาษอย่างดี มีความหนาประมาณ ๓๕๐ หน้า พร้อมด้วยกล่องบรรจุอย่างดี แจกฟรีจำนวน ๘๔,๐๐๐ เล่ม  ตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตบทหนึ่ง ที่ว่า ”สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ" ซึ่งหมายถึง การให้ธรรมเป็นทาน ย่อมชนะการให้ทั้งปวง ส่วนในปีนี้ได้จัดสร้าง เหรียญเสด็จพ่อรัชกาลที่ ๕ โดยได้ตะเวนเสก ๙ วาระ เพื่อความเป็นสิริมงคลของผู้นำไปใช้ และให้ได้ชื่อว่า "ของฟรีก็มีดี"

              อย่างไรก็ตามในการจัดสร้างเหรียญเสด็จพ่อ ร.๕ ครั้งนี้ มี ๒ เนื้อ คือ เหรียญทองแดง และเนื้ออัลปาก้า ทั้งนี้ ส.จ.ดร.ไพโรจน์ ได้นำเหรียญทั้ง ๒ แบบ แจกจ่ายฟรีให้ผู้ไปร่วมงานในวันดังกล่าวกว่า ๕,๐๐๐ เหรียญ ส่วนเหรียญที่เหลือทั้งหมด ถวายให้วัด ๒ แห่ง เพื่อนำไปทำนุบำรุงศาสนาตามวัตถุประสงค์ต่อไป โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ผู้มีจิตรศรัทธาร่วมบุญได้ที่ วัดลาดปลาดุก จ.นนทบุรี โทร.๐-๒๘๓๔-๒๐๗๕ และ วัดไผ่เหลือง  จ.นนทบุรี โทร.๐๘-๖๕๒๑-๒๕๕๒

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ปาฏิหาริย์หลวงพ่อโสธร
พันธุ์แท้พระเครื่อง
ราม วัชรประดิษฐ์


จากอดีต จนถึงปัจจุบัน หากกล่าวถึง "พระพุทธรูป" ที่ได้รับความนับถือและเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย ต้องยกให้ "หลวงพ่อโสธร" แห่งวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ประทับนั่งสมาธิเพชร พระชงฆ์ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย สูง 6 ฟุต 7 นิ้ว หน้าตักกว้าง 5 ฟุต 6 นิ้ว ศิลปะสมัยอยุธยา มีการโบกปูนทับเข้าใจว่าเพื่อกันข้าศึก

เป็นหนึ่งใน "ตำนานพระพุทธรูปลอยน้ำ" ร่วมกับ หลวงพ่อวัดบ้านแหลม หลวงพ่อวัดไร่ขิง หลวงพ่อโตบางพลี หลวงพ่อวัดเขาตะเครา อันลือลั่น

มี ทั้งชาวไทยและชาวจีนที่อยู่ในละแวกฉะเชิงเทราพากันไปขอพรแก้บนด้วยละครชาตรี ไข่ต้ม ปรากฏเป็นหลักฐานกว่าร้อยปีมาแล้ว เล่ากันสืบต่อมาว่า ผู้ริเริ่มชื่อ ทรัพย์ โต้โผละครในคลองโสธรมาบนบานเนื่องจากโรคฝีดาษระบาดไปทั่ว ผลปรากฏว่าชาวบ้านบริเวณนั้นแคล้วคลาดปลอดภัยและตัวนายทรัพย์เองก็เจริญ รุ่งเรืองด้วยทรัพย์ศฤงคารอย่างมากมาย จึงปวารณาตัวเป็นคณะละครรำถวายแก้บนหลวงพ่อ

แต่เดิมองค์หลวงพ่อโสธร ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถหลังเก่าปะปนกับพระพุทธรูปอื่นอีก 18 องค์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาถวายสักการะ ทรงมีพระราชปรารภถึงความคับแคบ พระจิรปุญโญ (ด. เจียม กุลละวณิชย์) อดีตเจ้าอาวาสจึงริเริ่มรับบริจาคซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อสร้างพระอุโบสถ หลังใหม่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทรงวางศิลาฤกษ์เมื่อปีพ.ศ.2431 และทรงยกยอดฉัตรทองคำหนัก 77 กิโลกรัม ประดิษฐานเหนือมณฑป เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2539 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงตัดหวายลูกนิมิต เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2549

"วัตถุมงคลของหลวงพ่อโสธร" ขึ้นชื่อลือเลื่องมาทุกยุคทุกสมัย เริ่มตั้งแต่ "เหรียญ พ.ศ.2460" ซึ่งปัจจุบันหายากมาก มีมูลค่านับล้านบาท ไม่นับ พระพุทธรูปบูชา พระโสธรสองหน้า พระกริ่งหลวงพ่อโสธร

ในคราวนี้นับ เป็นโอกาสพิเศษอันหาได้ยากยิ่ง เมื่อวัดโสธรฯ โดย พระราชมงคลรังษี เจ้าอาวาส อนุญาตให้วัดสิรินทรเทพรัตนาราม และมูลนิธิสิรินทรราชวิทยาลัย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่น "มงคลมหาบารมี 85" เพื่อหารายได้สมทบสร้างอาคารเรียน 100 พระชันษา สมเด็จพระสังฆราช เพื่อถวายเป็นพระกุศล เฉลิมพระเกียรติและเป็นอนุสรณ์สถานแห่งพระเมตตาและพระคุณขององค์สมเด็จพระ ญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยมีการบวงสรวงเทพยดาฟ้าดินและเททองนำฤกษ์ หน้าพระอุโบสถ วัดโสธรฯ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2556 และประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่ในวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2557 พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 108 รูป เจริญพระพุทธมนต์ พระเกจิคณาจารย์จากทั่วประเทศ 108 รูป นั่งปรกอธิษฐานจิต ณ พระอุโบสถพระโสธรวรารามวรวิหาร

เมื่อเริ่มเปิดจอง (1 ต.ค.) ประชาชนทะลักทลาย ซึ่งมีทั้งพระพุทธรูปบูชา พระกริ่ง เหรียญรุ่นสองหน้า

ขอแนะนำว่าควรรีบจองด่วน เพราะหาโอกาสอย่างนี้อยากเต็มที ที่ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ทุกสาขาทั่วประเทศค่ะ


ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

เหรียญหลวงพ่อคูณรุ่นเมตตาพระใหม่มาแรงทั้งพุทธคุณและค่านิยมแห
เหรียญหลวงพ่อคูณรุ่นเมตตาพระใหม่มาแรงทั้งพุทธคุณและค่านิยมแห่งปี ๒๕๕๖ : พระองครู โดยไตรเทพ ไกรงู
              พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พระสงฆ์ผู้มีแต่ให้ กิตติคุณแห่งอำนาจบารมีของหลวงพ่อคูณที่ร่ำลือระบือไกลแทบจะทั่วโลกก็ยัง รู้จัก ถูกยกให้เป็น "เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด"

              อย่างไรก็ตาม ในปี ๒๕๕๕ มูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี และคณะกรรมการวัดบ้านไร่ ได้จัดสร้าง "เหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นแเมตตา" เพื่อนำรายได้สมทบทุนการจัดสร้างอาคารศูนย์ "หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย" ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ณ เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา

              "เหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นเมตตา" ประกอบด้วย เหรียญรูปไข่พิมพ์ครึ่งองค์, เหรียญรูปไข่ครึ่งองค์ พิมพ์จีวรห่มคลุม และเหรียญรูปไข่ พิมพ์เต็มองค์ ทั้ง ๓ แบบสร้างเนื้อทองคำ เนื้อเงินหน้าทองคำ เนื้อเงินหลังแบบ เนื้อนวะหลังแบบ เนื้อเงินหลังยันต์ไม่ตัดปีก, เนื้อเงิน, เนื้อนวะ เนื้อชนวนพระกริ่ง, เนื้ออัลปาก้า, เนื้อนวโลหะทองบ้านเชียง, เนื้อทองทิพย์สูตรใหม่, เนื้อทองทิพย์สูตรใหม่ พิเศษ ๓ โค้ด

              ลักษณะเป็นเหรียญกลมรูปไข่ มีหู ด้านหน้าเหรียญ ตรงกลางเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อคูณนั่งขัดสมาธิเต็มองค์ ด้านบน เขียนคำว่า "เมตตา" ด้านหลังเหรียญ ตรงกลางเป็นรูปยันต์ ด้านบนขอบเหรียญ เขียนคำว่า "หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ" ด้านล่างขอบเหรียญ เขียนคำว่า "วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พ.ศ.๒๕๕๕"

              ปัจจุบันเหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นเมตตา กลายเป็นสุดยอดวัตถุมงคลรุ่นล่ามาแรงแห่งปี ๒๕๕๖ เหรียญทองคำ เปิดให้จอง ๖๐,๐๐๐ บาท ปัจจุบันในตลาดราคาเช่าหากันสูงถึง ๑๓๐,๐๐๐ บาท  ส่วนเนื้ออื่นๆ เช่น เหรียญไข่ครึ่งองค์จีวรห่มคลุม เนื้อเงินหลังยันต์ไม่ตัดปีก ตอนเปิดจอง ๓,๕๐๐  บาท ปัจจุบันขยับเป็น ๗,๕๐๐ บาท ส่วนเนื้อเงินหน้ากากทองคำจาก ๖,๐๐๐ บาท ในตลาดมีการเช่าซื้อกันสูงถึง ๓๐,๐๐๐ บาท ส่วนเนื้ออื่นๆ เช่น เนื้อนวโลหะ เนื้อฉวนพระกริ่ง เนื้ออัลปาก้า และเนื้อโลหะทองบ้านเชียง ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน

              ด้วยหลวงพ่อคูณได้มอบตะกรุดทองคำ หรือตะกรุดท้องแขน ที่ท่านสร้างและปลุกเสกทุกเสาร์ ๕ ของทุกปี ซึ่งไม่เคยให้ผู้ใด มาเป็นชนวนเททองถึง ๑๐๐ ดอก ในพิธีบวงสรวงและเททองนำฤกษ์ ณ วัดบ้านไร่ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ นายมนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและแผน มูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ ผู้แทนพระองค์ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ปรากฏว่า ตะกรุดไม่หลอละลาย นายมนัสต้องตั้งสมาธิจิตอธิษฐานถึงองค์หลวงพ่อคูณ ชนวนโลหะและแผ่นจารต่างๆ ของท่านที่มอบให้มาจึงหลอมละลายในเบ้าเป็นที่อัศจรรย์

              ส่วนพิธีมหาพุทธาภิเษก จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๕๖ ณ มณฑลพิธีวัดบ้านไร่  หลวงพ่อคูณเป็นประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ โดยมีหลวงพ่อจอย ชินวังโส เจ้าอาวาสวัดโนนไทย เป็นประธานจุดเทียนชัย

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php


คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ


วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ยันต์โสฬสมหามงคล

พันธุ์แท้พระเครื่อง
ราม วัชรประดิษฐ์


ยันต์ เป็นคำโบราณหมายถึง การจาร จารึก หรือเขียนอักขระโบราณลงบนวัสดุต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แผ่นเงิน แผ่นทอง แผ่นโลหะ อันเป็นมงคล หรือการสักลงบนร่างกายของมนุษย์ เพื่อแสดงกลุ่มชาติพันธุ์หรือความเป็นหนุ่มที่พร้อมจะรับผิดชอบมีครอบครัว เช่น การสักยันต์ของกลุ่มชาวลาวพุงดำ คือสักตั้งแต่พุงลงไป สำหรับประเทศไทย "ยันต์" ได้รับอิทธิพลจากการเขียนบนหน้าผากของอินเดีย ที่เรียกว่า "ติลก" (Tilok) อันเป็นเครื่องหมายบูชาเทพเจ้า โดยเฉพาะพระศิวะและพระนารายณ์ ซึ่งภายหลังเขมรรับมาทั้งพราหมณ์และพุทธมหายาน และขยายเข้าสู่สยามในเวลาต่อมา โดยบรรดาเกจิคณาจารย์ทั้งหลายก็จะได้รับการถ่ายทอดวิชาการลงอักขระเลขยันต์ สืบต่อกันมา

เชื่อว่ายันต์แต่ละอย่างจะมีพุทธคุณช่วยให้เกิดความเป็นสิริมงคลในลักษณะต่างๆ กัน และเป็นตำราเฉพาะของแต่ละท่าน

ใน จำนวนยันต์ทั้งหมด "ยันต์โสฬสมงคลและยันต์โสฬสมหามงคล" จัดเป็นยันต์ชั้นสูง ทำเป็นตัวเลข 3 ชั้น ชั้นนอกลงด้วยเลข 16 ตัว (โสฬส แปลว่า 16 ชั้นฟ้า มีความหมายถึงภูมิชั้นอรูปภูมิอันเป็นถิ่นที่อยู่ของพระพรหมทั้ง 16 ชั้น และหมายถึงพระพุทธคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 16 ประการ) พระมหายันต์นี้ปรากฏหลักฐานในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงตั้ง "ศาลหลักเมือง" โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญ "ยันต์มหาโสฬสมงคล" ประดิษฐานไว้ที่ส่วนยอด เพื่อนำความเจริญรุ่งเรืองและมหามงคล ณ เสาหลักเมือง

พระยันต์นี้แม้แต่ สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ผู้เจนจบใน พระยันต์ร้อยแปด ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นยันต์อันวิเศษสุดกว่ายันต์ทั้งปวง พระองค์ได้นำไปประทับในพระอุโบสถของวัดสุทัศนเทพวราราม และเขียนสอดใส่ไว้ใต้หมอนหนุนศีรษะตลอดเวลา จนกระทั่งท่านมรณภาพเมื่อปีพ.ศ.2487 ลูกศิษย์จึงได้พบแผ่นยันต์มหาโสฬสมงคล วางไว้ใต้หมอนของท่าน รวมถึง หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ก็ได้อัญเชิญไปดัดแปลงจัดสร้างเป็นตะกรุดโสฬสอันลือลั่นด้วย

"ยันต์โสฬสมหามงคล" เป็นมหายันต์ที่เกิดจากการนำเอายันต์ 3 ชนิดมารวมกันไว้ โดยใช้ตัวเลขแทนด้วยความหมายมงคลต่างๆ จากภาพ ตรงกลางช่องเล็ก 9 ช่อง คือ ยันต์จตุโร ถัดมาวงกลางเป็น ยันต์สูตรตรีนิสิงเห และด้านนอกสุดเป็น ยันต์อริยสัจโสฬส ส่วนอักขระด้านนอกที่ล้อมยันต์อยู่ คือ พระคาถาบารมี 30 ทัศ พระยันต์นี้ไม่ได้บังคับการลงยันต์ด้านหลังไว้

ฉะนั้นการลง ยันต์ด้านหลังตะกรุดก็แล้วแต่พระเกจิแต่ละท่านจะลง อย่างเช่น สายวัดสะพานสูงจะลง "ไตรสรณคม" แบบย่อว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิฯ หากลงเต็มจะนำเอาบทอิติปิโส 3 ห้อง มาผูกลงในตารางกระดูกยันต์ ซึ่งถือเป็นพิธีลงยันต์ใหญ่ที่ยิ่งใหญ่และลงยากมาก เป็นต้น

ส่วน ยันต์โสฬสมหามงคลรอบนอก ใช้พระคาถาจตุราวุธ ประกอบด้วย ด้านซ้าย อาวุธอาฬะวะกะยักษ์ มีบ่วงเป็นอาวุธ ด้านขวา อาวุธยะมะราชา มีนัยน์ตาเป็นอาวุธ ด้านบน อาวุธพระอินทร์ มีสายฟ้าเป็นอาวุธ ด้านล่าง อาวุธท้าวเวสสุวัณ มีคทาเป็นอาวุธ

พระคาถาโสฬสมงคล ...
โสฬะสะมังคะลัญเจวะ นะวะโลกุตตะระธัมมะตา
จัตตาโรจะมหาทีปา
ปัญจะพุทธามหามุนี ตรีปิฏะกะธัมมักขันธา
ฉะกามาวะจะราตะถา
ปัญจะทัสสะกะเวสัจจัง ทะสะมังสีละเมวะจะ
เตรัสสะธุตังคาจะ
ปาฎิหารัญจะทะวาทัสสะ เอกะเมรุจะ สุราอัฎฐะ
ทะเวจันทังสุริยังสัคคา
สัตตะโพชฌังคาเจวะ จุททัสสะจักกะวัตติจะ
เอกาทะสะวิสะณุราชา
สัพเพเทวามัง ปะลายังตุ สัพพะทาเอเตนะ
มังคะละเตเชนะ สัพพะโสตถี ภะวันตะ เมฯ

พระ คาถาบทนี้ เป็นของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ใช้ปลุกเสกสร้างพระปิดตาและตะกรุด ที่มีชื่อเสียงด้านพุทธคุณเป็นเลิศ

จนเป็นที่ต้องการและแสวงหามาตราบเท่าทุกวันนี้ครับผม

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสดค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

คมเลนส์ส่องพระ 10พฤศจิกายนพ.ศ 2556

คมเลนส์ส่องพระ  10พฤศจิกายนพ.ศ 2556

คมเลนส์ส่องพระวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 : แล่ม จันท์พิศาโล
             ••• เหตุการณ์บ้านเมือง ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เต็มไปด้วยผู้คนมหาศาลจากหลายสถาบัน ออกมาแสดง การคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ อย่างพร้อมเพรียงกัน จนล่าสุด รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้สั่งถอย ยกเลิก พ.ร.บ.ฉบับนี้แล้ว เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร...โปรดติดตามข่าวต่อไป
             •• คมเลนส์ส่องพระ วันนี้ขอเริ่มด้วย พระสมเด็จ พิมพ์อกครุฑเศียรบาตร กรุบางขุนพรหม ของ ท่านสมเกียรติ ภู่ธงชัยฤทธิ์ อดีตอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ หลังเกษียณราชการแล้วมีเวลาว่างเมื่อใดก็จะเข้าสนามพระ ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เป็นประจำ... พระสมเด็จ พิมพ์อกครุฑเศียรบาตร กรุบางขุนพรหม ถือเป็นพระพิมพ์พิเศษที่มีเฉพาะกรุบางขุนพรหม เท่านั้น ว่ากันว่า เจ้าประคุณสมเด็จฯ โต เป็นผู้แกะแม่พิมพ์เอง จุดเด่นของพระพิมพ์นี้ คือ หน้าอกนูนใหญ่ จึงเรียกกันว่า พิมพ์อกครุฑ ขณะที่ พระเศียร เหมือนกับบาตรพระ ซึ่งไม่มีในพระสมเด็จพิมพ์อื่นๆ อันเป็นจุดประสงค์ของ เจ้าประคุณสมเด็จฯ โต โดยตรง พระองค์นี้มีความสมบูรณ์คมชัดมาก มีคราบกรุเกาะติดแน่นทั่วองค์พระ เป็นเสน่ห์ของพระกรุนี้ที่ใช้ในการพิจารณา พระแท้ ได้ด้วย
             •• แม้ว่าระยะนี้ ตลาดพระเครื่อง ทั่วๆ ไปอาจจะซบเซาลงไปบ้าง รวมทั้ง พระหลวงพ่อทวด ก็พลอยชะงักด้วยก็ตาม แต่สำหรับ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ หลังเตารีด ปี ๒๕๐๕ องค์สวยแชมป์ก็ยังมีการหมุนเวียนเปลี่ยนมือกันอยู่เสมอ ทั้งๆ ที่ราคาสูงถึงหลักแสนกลางขึ้นไป ก็มีผู้สนใจเช่าหา อย่างเช่นองค์ในภาพนี้ พระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ หลังเตารีด ปี ๒๕๐๕ พิมพ์ใหญ่ เอ เนื้อโลหะผสม ที่หล่อออกมาได้ลึกคมชัด เช่น จมูกที่โด่งคมสัน เส้นจีวรและร่องจีวรเป็นทิวแถว มีมิตินูนลึก กลีบบัวสัณฐานรูปสามเหลี่ยมที่มีขนาดสม่ำเสมอทุกกลีบ...ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือ พระองค์นี้มีรอยลายนิ้วมือ ที่ตำแหน่งปื้นเนื้อ ตรงกลางใกล้ขอบล่างองค์พระด้านหลัง และมีเม็ดกรวดทรายฝังอยู่บนผิวองค์พระ เนื่องจากกระบวนการหล่อโบราณ จุดนี้เสริมให้พระองค์นี้ แท้ดูง่าย จนแทบไม่ต้องดูด้านหน้า...ที่กล่าวว่า พระองค์นี้มีรอยลายนิ้วมือ ด้านหลังองค์พระนั้น ผู้ชำนาญการบอกว่า...หากย้อนกลับไปดูด้านหลังของ พระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก ปี ๒๔๙๗...และ พระเนื้อว่าน รุ่น ๒ พิมพ์พินัยกรรม ปี ๒๕๐๕ จะเห็น ลายนิ้วมือ ที่ด้านหลังขององค์พระอย่างชัดเจน เนื่องจากการกดพิมพ์ลงในเบ้าครั่ง แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า ลายนิ้วมือ นี้ก็ปรากฏให้เห็นที่ด้านหลัง ของ พระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ เนื้อโลหะผสม เช่นกัน (มักจะพบเห็นในพิมพ์ใหญ่ เอ และพิมพ์ใหญ่ปั๊มซ้ำ) ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในระหว่างการเตรียม หุ่นเทียน “หล่อช่อ” เป็นกระบวนการทำด้วยมือ ทำให้เกิดริ้วรอยของลายนิ้วมือช่างที่หล่อหุ่นเทียนขึ้นในกระบวนการนี้ ก่อนถ่ายมาให้เป็นองค์พระที่หล่อสำเร็จแล้ว โดยเฉพาะที่ตำแหน่งปื้นเนื้อที่ตรงกลางใกล้ขอบล่างองค์พระ (ดังภาพที่โชว์ในวันนี้) ความสวยงามคมชัดของ พระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ เอ องค์นี้ทำให้ได้รับรางวัลรองแชมป์งานประกวดพระเครื่อง ที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อวันอาทิตย์ก่อน (๓ พ.ย.๕๖) เป็นพระของ ศ.ดร.ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ผู้ชำนาญการและนักสะสม พระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด พิมพ์ใหญ่ เอ โดยเฉพาะ จนทุกวันนี้มีองค์สวยแชมป์อยู่ในครอบครองกว่า ๒๐ องค์...เมื่อวันก่อนผู้เขียนโทรศัพท์ไปหา อ.ผดุงศักดิ์ กำลังอยู่ในห้องประชุมคณาจารย์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ เกี่ยวกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่กำลังอื้อฉาวในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา อ.ผดุงศักดิ์ ได้ลงชื่อคัดค้านด้วยเป็น ท่านที่ ๑๐ ของคณาจารย์กว่า ๕๐๐ ท่านที่ร่วมลงชื่อในวันนั้น...กระแสความรู้สึกร่วมกันในครั้งนี้ ทำให้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ต้องสั่งถอยอย่างสิ้นเชิง ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะรับผิดชอบหรือไม่อย่างไร? มาถึงวันนี้ก็คงจะรู้กันแล้ว
             •• พระกริ่งวชิรมงกุฏ เนื้อทองคำ พิมพ์ใหญ่ จัดสร้างขึ้นเมื่อปี ๒๕๑๑ ในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี วัดมกุฏกษัตริยาราม กรุงเทพฯ ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จฯ ทรงประกอบพิธีเททองเป็นปฐมฤกษ์ โดยมีพระคณาจารย์ชื่อดังร่วมปลุกเสกหลายท่าน อาทิ พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้, หลวงปู่นาค วัดระฆัง, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ฯลฯ พระกริ่งรุ่นนี้มี ๓ พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ กลาง เล็ก เฉพาะ พระเนื้อทองคำ สร้างตามจำนวนที่สั่งจองเท่านั้น ทุกองค์มีหมายเลขประจำองค์พระอยู่ใต้ฐาน จัดเป็นพระกริ่งที่ทรงคุณค่าและหาชมองค์จริงได้ยาก โดยเฉพาะ พิมพ์ใหญ่ เนื้อทองคำ ที่เห็นนี้มีจำนวนสร้างน้อยมาก พระที่หมุนเวียนในวงการพระปัจจุบันเท่าที่พบเห็นมีไม่เกิน ๑๐ องค์ ส่วนใหญ่จะอยู่กับข้าราชการระดับสูง หรือเศรษฐีในสมัยนั้น เพราะเนื้อทองคำต้องสั่งจองในราคา ๓,๐๐๐ บาท ซึ่งถือว่าสูงมากในสมัยนั้น ปัจจุบันจึงเป็นที่ต้องการของนักสะสมอย่างมาก ในองค์ที่สวยๆ หากเปลี่ยนมือกันก็ต้องว่ากันถึง ๕ แสนบาทขึ้นไป องค์ที่เห็นนี้มีความสวยงามสมบูรณ์คมชัดมาก และเป็นหนึ่งในองค์แชมป์ของวงการ ได้รับรางวัลชนะเลิศจากงานประกวดพระที่สมาคมพระเครื่องฯ รับรองทุกครั้งที่ผ่านมา เช่น งานศาลปกครอง ปี ๒๕๕๕ ล่าสุดงานประกวดพระเครื่องที่ จ.นครสวรรค์ เมื่อวันอาทิตย์ก่อน (๓ พ.ย.๕๖) เจ้าของพระ คือ วีระภูมิ พละภิญโญ เซียนหนุ่มอนาคตไกล นักสะสมพระสวยระดับแชมป์เท่านั้น
             •• ต้อนรับ งานประกวดพระ ที่ศาลาอ่างแก้ว ม.เชียงใหม่ วันนี้ ขอนำภาพ เหรียญครูบาเจ้าศรีวิชัย ปี ๒๔๘๒ อันเป็นเหรียญ ยอดนิยมอันดับหนึ่ง ของแดนล้านนา แม้จะไม่ทันสมัยครูบาฯ ยังอยู่ แต่เชื่อว่า เหรียญนี้สร้างพร้อมกับ เหรียญชินวรสิริวัฒน์ ทำพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๔๘๑...เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๒ สนามพระอยู่ที่สวนรุกขชาติ ข้างจวนผู้ว่าฯ เชียงใหม่ หัวมุมสี่แยกพุทธสถาน เหรียญครูบา ปี ๘๒ สวยๆ ราคา ๘๐๐ บาท ที่นิยมเล่นกันมีเนื้อเงิน ทองแดง และฝาบาตร นอกจากนี้ยังมี เนื้อตะกั่วลองพิมพ์ ซึ่งเซียนรุ่นเก่าตีเป็น เหรียญถอดพิมพ์ ไม่นิยมกัน เพราะเป็นเหรียญตื้น ไม่มีความคมลึก (ถ้าเป็นเหรียญลองพิมพ์จริงจะมีไม่กี่เหรียญ แต่นี้มีเป็นร้อย ขายไม่รู้จักหมด)...เหรียญครูบา ปี ๘๒ ของแท้ เหรียญนี้พิมพ์ ๓ ชาย ซึ่งเป็นพิมพ์นิยมสุด เจ้าของเหรียญคือ คนเชียงราย จากกระดานโชว์พระเกจิอาจารย์ล้านนา จากเว็บ pralanna.com
             •• อีกองค์ของ ครูบาเจ้าศรีวิชัย คือ พระรูปเหมือนท่านครูบา รุ่นสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ เนื้อแร่ไมกา เป็นพระ ๑ ใน ๒ รุ่น ที่มีหลักฐานพยานบุคคลและเอกสาร เชื่อได้ว่า สร้างทันสมัยครูบาเจ้าศรีวิชัย โดยสร้างแจกชาวบ้านระหว่างการสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๘-๒๔๗๙ ใช้ดินดอยสุเทพ ซึ่งมี แร่ไมกา เป็นส่วนผสม น้อย ไอยรา ผู้ชำนาญพระสายนี้บอกว่า “นิยมเช่าหาตั้งแต่สมัยผมเป็นเด็กเริ่มเล่นพระ เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๒ ราคาสูสีกับ พระคง ลำพูน ฟอร์มดี โพธิ์เด้ง ที่ พี่เกษม เลิศมโนกุลชัย เลี่ยมจับขอบเงิน แล้วเลี่ยมพลาสติกทับอีกที ขายองค์ละ ๑๐๐ บาท ส่วน พระครูบา รุ่นสร้างทาง องค์ละ ๘๐ บาท อย่างนี้ชัวร์ปึ้ก เพราะคนรุ่นเก่าเล่นกันมานานแล้ว”....พระครูบาเนื้อแร่ไมกา องค์นี้เป็น พิมพ์กนกจม ถือว่าเป็นพระสวยดูง่าย โพสต์โชว์ลงในเว็บ pralanna.com เป็นพระของ บี.บี.ป่าเห็ว นักสะสมพระสายล้านนาโดยเฉพาะ
             •• ไปถ่ายภาพพระที่ร้าน เจพี ชั้น ๓ ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้พบกับนักสะสมพระเครื่องชาวร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ชื่อ ไพฑูรย์ สุดฝ้าย หรือที่รู้จักในวงการพระ คอท่อม ทัพพระราม เห็นพระในกล่องเต็มไปด้วย พระสายใต้ ที่สวยแท้ดูง่ายทุกองค์ เลยขอภาพมาให้ท่านผู้อ่านชมเป็นวิทยาทาน องค์แรกคือ เหรียญหลวงปู่เขียว วัดหรงบล อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช รุ่นแรก ปี ๒๕๑๓ ในวงการพระเครื่องได้แยกพิมพ์หลักๆ ออกเป็น ๒ พิมพ์ คือ พิมพ์มีจุด และ พิมพ์ไม่มีจุด (คือ จุดเล็กๆ เท่ากับปลายเข็มหมุด ตรงวงกลมของยันต์ใต้หูเหรียญ)...นอกจากนี้ยังมีการแยกพิมพ์ตามค่านิยมอีก ๓ พิมพ์ คือ ๑.พิมพ์ ๒ บี้ ๓ แบน ๒.พิมพ์อำตัน ๓.พิมพ์อำกลวง (ตรงช่องสามเหลี่ยมตำแหน่ง ๒ นาฬิกา มียันต์ขอมคล้ายตัว ย.ยักษ์ มีหางย้อยลงมา เหนือตัวขอมนี้มี จุดวงกลมเล็กๆ เรียกว่า “อำกลวง” หากจุดนี้ทึบเรียกว่า “อำตัน”) ค่านิยม พิมพ์ ๒ บี้ ๓ แบน (ตรงเลข พ.ศ.๒๕๑๓) จะแพงที่สุด เฉพาะเหรียญสวยๆ ราคาเกือบ ๒ แสนบาท รองลงมาคือ พิมพ์อำตัน มีจุด และ พิมพ์อำกลวง มีจุด (และ ไม่มีจุด) ค่านิยมเหรียญสวยๆ หลักแสนขึ้นไป อย่างไรก็ตาม เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่เขียว ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์อะไรล้วนมีประสบการณ์มาแล้วมากมาย...เพราะความ ศักดิ์สิทธิ์ของท่านเป็นที่รู้กันดีทั่วบ้านทั่วเมือง คือ เมื่อท่านมรณภาพแล้ว สรีระไม่เน่าเปื่อย ไม่มีกลิ่น เมื่อถึงวันประชุมเพลิง สรีระของท่านเผาไฟไม่ไหม้ แม้แต่จีวรที่ห่อหุ้ม นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ยิ่งนัก...ปัจจุบัน สรีระอันอมตะของท่านยังประดิษฐานอยู่ในหีบแก้วที่ วัดหรงบล จนถึงทุกวันนี้ โดยมีผู้คนไปกราบไหว้สักการบูชาเป็นประจำ (หลวงปู่เขียว เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๒๔ อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๖ มรณภาพเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙ สิริรวมอายุ ๙๕ ปี พรรษา ๗๔ คำว่า “วัดหรงบล” ในเหรียญแกะเป็น “วัดหรงมล” เป็นความใจผิดของช่างแกะแม่พิมพ์) วัตถุมงคลของ หลวงปู่เขียว ยังมีอีกหลายอย่าง ซึ่ง คอท่อม ทัพพระราม ได้ส่งภาพมาให้แล้ว จะได้ทยอยนำลงในโอกาสต่อไป...ช่วงนี้หากท่านผู้ใดจะปรึกษาเรื่อง พระหลวงปู่เขียว สอบถามได้ที่โทร.๐๘-๕๙๐๓-๔๓๒๑
             •• วันอาทิตย์หน้า (๑๗ พ.ย.๕๖) มี งานประกวดพระ ที่หอประชุม อบจ.กำแพงเพชร จัดโดย สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาและวัตถุมงคล จ.กำแพงเพชร ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร และ เทศบาลเมืองกำแพงเพชร พระที่จัดประกวดรวม ๑,๖๑๐ รายการ รางวัลพระชนะเลิศแต่ละรายการจะได้รับหนังสือ สุดยอดพระเกจิเมืองกำแพงเพชร จัดทำโดย สมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชา และวัตถุมงคลจังหวัดกำแพงเพชร •• พบกับ คมเลนส์ส่องพระ ได้ใหม่ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ต่อไป...ขอขอบพระคุณ...นะมัสเต •••

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ คม ชัด ลึก ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมที่
http://เว็บพระ.net/all-shop.php