วันเสาร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2557

หลวงพ่อประพิน ฉันทโก พระวิปัสสนา-นักพัฒนา

หลวงพ่อประพิน ฉันทโก พระวิปัสสนา-นักพัฒนา

คอลัมน์ อริยะโลกที่6
เชิด ขันตี ณ พล


"พระครูประภาสธรรมรังษี" หรือ "หลวงพ่อประพิน ฉันทโก" เป็นพระนักปฏิบัติที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย และยังเป็นพระนักพัฒนา ทำให้เป็นที่นับถือศรัทธาจากพุทธศาสนิกชนในจังหวัดมหาสารคามและใกล้เคียง

ปัจจุบัน อายุ 67 พรรษา 47 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดแสงสว่างบุ่งคล้า ต.ลาดพัฒนา อ.เมือง จ.มหาสารคาม และเป็นเจ้าคณะตำบลลาดพัฒนา

มีนามเดิมว่า ประพิน สอนสุชน เกิดเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2490 ที่บ้านบุ่งคล้า ต.ลาดพัฒนา อ.เมือง จ.มหาสารคาม

วัยเยาว์เรียนหนังสือจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดบ้านบุ่งคล้า ก่อนย้ายตามครอบครัวไปทำมาหากินที่จังหวัดอุดรธานี

ครั้น เมื่ออายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดเรียบธายาราม ต.กุดจับ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีพระครูสถิตธรรมรัต เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์แหวน สุวัณโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

หลังจากนั้นท่านได้จำ พรรษาอยู่ที่วัดบรมสมพร อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยและพระปริยัติธรรม สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก

นอกจากนี้ ยังเรียนสายสามัญสอบได้ชั้น ม.ศ.3 จากโรงเรียนวัดศรีจันทร์ จ.ขอนแก่น และสอบชุดวิชาครูพ.ก.ศ. ได้ในปีพ.ศ.2523

พ.ศ.2524 วัดแสงสว่างบุ่งคล้า ขาดแคลนพระผู้ใหญ่ที่จะพัฒนาวัด บรรดาญาติโยมจึงได้ไปนิมนต์หลวงพ่อประพิน ให้มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาวัด

ปกครอง วัดแสงสว่างบุ่งคล้า ทุ่มเทแรงกายแรงใจพัฒนาวัดแห่งนี้ ให้เจริญรุ่งเรืองในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นสาธารณูปการปรากฏให้เห็นมากมายใน เวลาเพียงไม่กี่ปี อาทิ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอระฆัง กุฏิ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับชุมชนพัฒนาตัดถนนเชื่อมหมู่บ้านใกล้เคียงถึง 7 สาย ทำให้การไปมาหาสู่กันสะดวกมากยิ่งขึ้น

ส่วนด้านการศึกษา หลวงพ่อตั้งสำนักเรียนขึ้นที่วัดแสงสว่างบุ่งคล้า พร้อมกับรับหน้าที่เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมมาโดยตลอด

หลวง พ่อประพินเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยมาก พระภิกษุสามเณรที่มาเรียนกับท่านจะต้องประพฤติอยู่ในกรอบพระธรรมวินัยอย่าง เคร่งครัด ทำให้สำนักเรียนแห่งนี้มีชื่อเสียงขจรไกล แต่ละปีมีพระภิกษุสามเณรมาจำพรรษาศึกษาเล่าเรียนเป็นจำนวนมาก

พร้อม จัดหาทุนการศึกษาให้พระภิกษุสามเณรที่เรียนดี ส่วนผู้เรียนไม่ดีหากปฏิบัติงานอื่นๆ มีความรับผิดชอบในหน้าที่สูง จะมีรางวัลเป็นกำลังใจให้เช่นกัน

ตั้งหน่วยอบรมประจำตำบล และหน่วยอบรมเคลื่อนที่ออกอบรมประชาชนตามหมู่บ้าน ตามโรงเรียนต่างๆ รวมทั้งมอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนทุกปี

เนื่องจากหลวงพ่อเป็น พระหน่วยพัฒนาการทางจิตรุ่นที่ 11 ของมูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย กรุงเทพฯ จึงต้องออกเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปตามชุมชนหมู่บ้านต่างๆ บางครั้งนำภาพยนตร์ธรรมะไปฉายทั่วภาคอีสาน อาทิ นครราชสีมา อุดรธานี และมหาสารคาม ฯลฯ

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2538 ได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลลาดพัฒนา พ.ศ.2544 ได้รับพระราชทานพัดยศเจ้าคณะตำบลชั้นโท

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2530 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นโทที่ พระครูประภาสธรรมรังสี

ด้วย คุณงามความดีที่ทำปรากฏมากมาย ท่านได้รับโล่รางวัลอนุรักษ์สมุนไพรตามโครงการพระราชดำริ และได้เข้ารับรางวัลสาขาการเผยแผ่พระพุทธศาสนาดีเด่นจากสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปี 2543

จึงเป็นเนื้อนาบุญของชาวมหาสารคามอย่างแท้จริง

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่
http://เว็บพระ.net/index.php

คอลัมม์ข่าวนี้ทางเว็บเราไม่มี วัตถุมงคล หรือ พระเครื่องให้เช่าบูชา ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น