วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

หลวงพ่อทบ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระ พุทธบาทชนแดน เกจิพระเครื่องชื่อดังของจังหวัดเพชรบูรณ์



หลวงพ่อทบ เพชรบูรณ์   พันธุ์แท้พระเครื่อง  ราม วัชรประดิษฐ์

หลวง พ่อทบ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระ พุทธบาทชนแดน พระเกจิชื่อดังของจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นที่เคารพศรัทธาของเหล่าสาธุชน ด้วยมีเมตตา-กรุณาธรรม ไม่เลือกชั้นวรรณะ และมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เป็นที่ปรากฏ จนได้รับสมญา "เทพเจ้าแห่งความเมตตา"

ด้านวัตถุมงคลของท่าน ซึ่งมีมากมายหลายประเภท ทั้งรูปหล่อโลหะ เหรียญ ตะกรุด แหวน ฯลฯ ก็เป็นที่กล่าวขวัญถึงประสบการณ์ของผู้บูชาอยู่เป็นเนืองนิตย์ และได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในแวดวงนักนิยมสะสมเหรียญคณาจารย์ทั่ว ประเทศ

หลวงพ่อทบ ธัมมปัญโญ หรือพระครูวิชิตพัชราจารย์ เกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2424 ที่บ้านยางหัวลม (ปัจจุบัน คือ ต.วังชมภู) ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดช้างเผือก บ้านยางหัวลม มีพระอาจารย์สี เป็นพระอุปัชฌาย์

ศึกษาร่ำเรียนหนังสือ ขอมและไสยเวทวิทยาคมกับพระอาจารย์สีจนแตกฉาน พออายุครบบวชจึงอุปสมบทที่วัดเกาะแก้ว ต.นายม โดยมีพระครูเมือง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปาน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายา "ธัมมปัญโญ"

หลังจากอุปสมบท กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดช้างเผือก และศึกษาวิชาอาคมเพิ่มเติมจากพระอาจารย์สี พระอาจารย์ปาน และหลวงทศบรรณ ซึ่งเป็นฆราวาสผู้มีอาคมแก่กล้า นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานจากพระครูเมือง จนเป็นที่เลื่องลือว่า "ท่านสามารถนั่งวิปัสสนาได้หลายวัน โดยไม่ฉันอาหารเลย"

จากนั้นกราบ ลาพระอาจารย์ออกธุดงค์เพื่อบำเพ็ญศีลและเจริญภาวนาพร้อมแสวงหาวิชาความรู้ใน ที่ต่างๆ จนถึงนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว กระทั่งเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่จะกลับสู่มาตุภูมิ เพื่อประกอบศาสนกิจและสร้างความเจริญรุ่งเรืองต่อพระบวรพุทธศาสนา จึงมุ่งหน้าเข้าประเทศไทยทาง จ.ตราด สู่ วัดศิลาโมง ต.นายม อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์

จากนั้นทำการบูรณะวัดครั้งใหญ่ สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ ขุดบ่อน้ำ ประการสำคัญคือ ได้สร้างอุโบสถจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ และใช้ประกอบศาสนกิจต่างๆ มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำในการก่อสร้างพระอุโบสถจนสำเร็จเรียบร้อยถึง 16 หลัง ทั้งยังได้วางศิลาฤกษ์หลังที่ 17 ไว้แล้วที่วัดช้างเผือก แต่มรณภาพเสียก่อน

ระหว่างธุดงค์ท่านยังได้พบพระเกจิดังหลายรูป อาทิ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และหลวงพ่อเง่า อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีภูมิ และรับถ่ายทอดพระเวทวิทยาคมต่างๆ ทั้งเมตตามหานิยม แคล้วคลาด คงกระพัน มหาอุด มหาอำนาจ ฯลฯ ซึ่งท่านก็ได้ใช้วิชาเหล่านั้นสงเคราะห์ญาติโยมมาตลอดชีวิตของท่าน

สมณศักดิ์ สุดท้าย ได้รับแต่งตั้งให้เป็น เจ้าคณะอำเภอชนแดน และได้รับพระ ราชทานสมณ ศักดิ์ที่พระครูวิชิตพัชราจารย์ ก่อนกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดพระพุทธ บาทเขาน้อย อำเภอชนแดน และกลับมาที่วัดช้างเผือก ตามที่พระอาจารย์สีได้กล่าวฝากไว้ในอดีตว่า "หากจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิตแล้ว ก็ให้กลับมาพัฒนาวัดช้างเผือก อย่าปล่อยให้ร้างนะ" ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2519 สิริอายุ 95 ปี 74 พรรษา บรรดาศิษยานุศิษย์และผู้เคารพนับถือ ได้นำสังขารของท่านบรรจุไว้ในโลงแก้วเพื่อสักการบูชาและรำลึกถึงตลอดไป

วัตถุ มงคลที่หลวงพ่อทบสร้าง เรียกได้ว่า "ดังและมากด้วยประสบการณ์กันทุกรุ่นทุกแบบ" แต่ที่เรียกเสียงฮือฮา คือ "เหรียญหลวงพ่อทบ รุ่นทูลเกล้าฯ" ที่ออกที่วัดโพธิ์ทอง อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2518 ในงานฉลองอายุครบ 95 ปี ซึ่งไปมีชื่อข้องเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดเป็นข่าวใหญ่ในหน้าหนังสือพิมพ์ หลายๆ ฉบับ เมื่อปี พ.ศ.2536 ในคดีมรดกเลือด ที่ยายมอบมรดกให้หลานทั้งหมด แต่ตัวนายไมตรีผู้พ่อติดการพนันมีหนี้สินมากมาย จึงเกิดความบ้าคลั่งก่อเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าว ก็เป็นคติเตือนใจได้ว่า"การพนันไม่เคยทำให้ใครได้ดี มีแต่ความหายนะ"

หตุการณ์แบบนี้เป็นข่าวกันอยู่ทุกวี่วัน ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่กับเหรียญ รุ่นทูลเกล้าฯ ยังคงอยู่ในความทรงจำของทุกคนไม่รู้ลืม
กลายเป็นเหรียญยอดนิยมเป็นที่แสวงหามาถึงปัจจุบัน ครับผม

ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด ค่ะ
จากใจทีมงาน http://เว็บพระ.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น